ขณะที่พรรคเพื่อไทยได้รับโอกาส จากประชาชนคนส่วน ใหญ่ของประเทศ ให้ดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล ดูเหมือนว่ากระแสเรื่องการเรียกร้อง เชิงขู่บังคับให้มีการยกเลิก หรือ แก้ไข กม.หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กลายเป็นคลื่นถาโถมเข้าใส่ว่าที่ผู้นำอย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างไม่จบไม่สิ้น
พร้อมกับคำถามปลายเปิดว่า ที่สุดแล้วว่าที่นายกรัฐมนตรี คนใหม่จะเลือกเดินแนวนโยบายอย่างไร กับการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เคารพรักของคนไทยผู้จงรักภักดี ในขณะที่กลุ่มบุคคลที่เคลื่อนไหว ให้มีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวจำนวนหนึ่ง ถูกมองว่า คือ หมู่มวลมิตรอันใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ
จังหวะการเคลื่อนตัวของคนเสื้อแดง ในการออกมาแสดงเหตุการณ์รำลึก 112 : ถึงเวลาคืนความเป็นธรรมให้ผู้ถูกกล่าวหา และ 3 ปี เหยื่ออธรรม ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล เป็น อีกหนึ่งปฏิกิริยาของการต่อสู้ในเชิงยุทธวิธี ที่แสดงให้เห็นการมีอยู่ของกลุ่มบุคคล ที่มีทัศนคติเป็นอันตรายต่อสถาบันเบื้องสูง
และรวมไปถึงยังเชื่อมั่นว่าทุกการกระทำที่ผ่านมา ในเชิงคุกคาม จาบจ้วง ล่วงละเมิด สถาบันเบื้องสูง เป็นเรื่องถูกต้อง ขณะที่การแสดงออกของ นางดารณี หรือ อีกหลายคนที่โดนลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นความผิดพลาดของกระบวนการยุติธรรม
ขณะเดียวกันกับแนวทางเคลื่อนไหว ในเชิงวิพากษ์วิจารณ์สถาบันเบื้องสูง ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เฉพาะในประเทศไทย และกับขบวนการล้มเจ้า อย่าง นายใจ อึ้งภากรณ์ หรือ นายจักรภพ เพ็ญแข ฯลฯ
แต่กับแนวคิดลักษณะดังกล่าว ยังแพร่กระจายไปในหมู่นักวิชาการต่างประเทศ ที่อาศัยข้อมูลจากขบวนการล้มเจ้าไปดำเนินการต่อยอด แล้วประมวลสรุป เนื้อหาทั้งหมดอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
ก่อนนำเผยแพร่สู่สาธารณะ โดยไม่สนใจใยดีต่อความรู้สึกคนไทยส่วนใหญ่ หรือ แม้พยายามจะสอบถามข้อมูลอีกด้าน เพื่อถ่วงน้ำหนักข้อเท็จจริง
Federico Ferrara ที่บอกว่าตัวเองเป็น ผู้ช่วยศาสตราจารย์รัฐศาสตร์ แห่ง มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ คือ อีกคนหนึ่งซึ่งออกมาแสดงความคิดอ่าน ในหลายประเด็นอย่างผิดเพี้ยนจากข้อเท็จจริง ผ่าน หนังสือ “ Thailand Unhinged : The Death of Thai-Style Democracy ” หรือ เทวาสายัณห์: มรณกรรมของประชาธิปไตยแบบไทย
โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์โจมตีพระมหากษัตริย์ไทย ทรงลงมายุ่งเกี่ยวทางการเมือง ในหลายห้วงเวลาของการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย พร้อมกล่าวหาว่าพระองค์ทรงใช้พระราชอำนาจอย่างเป็นอิสระ นอกเหนือบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
ในขณะที่คนไทยทั้งประเทศรับรู้มาโดยตลอด ในเรื่องพระราชกรณียกิจ อันทรงคุณค่ายิ่งต่อทวยราษฎร์ และก็เป็นพระองค์ที่ทรงระมัดระวังเป็นที่สุด ในเรื่องการใช้พระราชอำนาจ เช่น กรณีการขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี โดยอาศัยความตาม มาตรา 7 แห่งบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
รวมถึงยังเป็นพระองค์ที่เคยทรงรับสั่งในเรื่อง The King can do no wrong เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2548 ความตอนหนึ่งว่า ...
“เมื่อก่อน ก่อนจะเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นคิง ก็เสียใจหลายครั้ง แต่ตอนเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แล้วเป็นคิง คิงแบบไทย ๆ ฝรั่งบอกเป็นเดอะคิง เข้าใจว่าน้อยครั้งที่ทำผิด เพราะระวัง ถ้าไม่ระวัง ป่านนี้ตายแล้ว ลำบาก ต้องระวัง ไม่ระวังก็ตาย
เป็นเรื่องธรรมชาติ ที่เรียกว่าการเมือง หรือการอยู่ในสายตาของคน สายตาคนฆ่าได้ถ้าเราไม่ระวัง เราตาย ก็เลยถึงบอกได้ว่าทำไมการที่บอกว่า The King can do no wrong เพราะต้อง can do no wrong ”
ไม่เท่านั้น ก็เป็น Federico Ferrara คนเดียวกันนี้ ที่เขียนข้อความในทำนองแสดงความเชื่อส่วนตัว ว่า ความจงรักภักดีของคนไทยจะค่อย ๆ เสื่อมคลายลง
และบางส่วนของข้อความยังเลยเถิด ไปถึงการจาบจ้วงราชวงศ์จักรี อย่างที่คนไทยหากได้มีโอกาสพิจารณาจากถ้อยคำ คงไม่อาจยอมรับได้กับพฤติกรรมของผู้อ้างตัวเป็นนักวิชาการรายนี้
“คนไทยส่วนใหญ่ไม่เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องการจะหมอบราบคาบ เหมือนสุนัขเชื่อง ๆ อย่างที่ ..... เป็นอยู่ ฉะนั้นคงอีกไม่นานเท่าไรที่การประท้วงของคนเสื้อแดง จะกลายเป็นเหมือนระลอกคลื่นเล็ก ๆ ในคลื่นยักษ์สึนามิที่กำลังก่อตัวขึ้นมา และกำลังจะสาดซัดทำลายขั้วอำนาจเก่า และทำลาย......ให้สูญสิ้น ... ”
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่ง (เท่านั้น) ของการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ที่นักวิชาการต่างประเทศผู้นี้หยิบฉวยสถานการณ์ และ ข้อมูลจากการประมวล ความคิดอ่านของขบวนการล้มเจ้า มาแปรสภาพเป็นหนังสือเชิงวิชาการ ที่ซ่อนเร้นมุมมองการโจมตีพระมหากษัตริย์ และประเทศไทย
ขณะเดียวกันก็เป็นเวปไซด์แดงอย่าง ไทยอีนิวส์ที่นำมาเผยแพร่ในเชิงหลบซ่อนเป้าประสงค์ ด้วยการชมเชยวัตถุประสงค์ของ Federico Ferrara ว่าเป็นการกระตุ้นให้เกิดความเปลี่ยนสังคมที่ดีขึ้น ซึ่งคนไทยทุกคนจะต้องพึงรับรู้และร่วมเฝ้าระวังกันอย่างใกล้ชิด กับข้อมูลในลักษณะนี้ต่อไป ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น