ชัดเจนแล้วว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ไม่อาจต้านแรงบีบจากฝ่ายการเมืองที่อ้างถึง "บ่อนกลางกรุง" และ "ความเหมาะสม"
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดแถลงว่า จะโยก พล.ต.อ.วิเชียร ไปนั่งเก้าอี้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แล้วให้ ถวิล เปลี่ยนศรี เลขาฯ สมช.คนปัจจุบัน ไปนั่งประจำที่สำนักนายกฯ
ร.ต.อ.เฉลิมแถลงเรื่องนี้ด้วยอาการกระหยิ่มยิ้มย่อง
ซึ่งมันก็น่าจะเป็นอยู่หรอกเพราะงานนี้ได้ชื่อว่า "ร้อยตำรวจเอก" สั่งเด้ง "พลตำรวจเอก"
แถมยังได้ว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ที่เป็นเครือญาติสายตรงของ "หญิงอ้อ" พจมาน ณ ป้อมเพชร มานั่งอย่างสมใจทั้งผู้ให้ผู้รับและผู้สั่ง
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ที่คร่ำครวญมาตั้งแต่เมื่อครั้งพลาดเก้าอี้ ผบ.ตร. เคยฟ้องไปที่ศาลปกครองในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้รางวัลในช่วงปีสุดท้ายของชีวิตข้าราชการตำรวจ
ส่วนจะประคับประคองต่อไปได้นานแค่ไหน อาจจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับที่ ร.ต.อ.เฉลิม ที่บอกว่า 6 เดือน บ่อนพนัน-ยาเสพติดยังเกลื่อนเมือง ก็คงอยู่ไม่ได้
เพราะด้วยสายสัมพันธ์เครือญาติที่โอบอุ้มกันมาตั้งแต่แรกจนกลายเป็นดาวโรจน์ในช่วงที่ ทักษิณ ชินวัตร ยังเรืองอำนาจ คำสั่งที่ว่านั้นก็ต้องเป็นคำสั่งที่อาจจะพิเศษ มากกว่าวันที่ พล.ต.อ.วิเชียร ถูกเสนอให้พ้นจากตำแหน่ง
แม้กระทั่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่แทงกั๊ก อ้ำอึ้ง มาตลอดจนกระทั่งหลังจาก ร.ต.อ.เฉลิม แถลงและเข้าพบเพื่อเสนอชื่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ถึงวันที่ต้องตัดสินใจว่าหากปล่อยให้บ่อน-ยาเต็มบ้านเต็มเมือง เอาเข้าจริงก็ไม่รู้ว่าจะกล้าลงดาบหรือไม่
แต่สำหรับ พล.ต.อ.วิเชียรแล้ว เมื่อมาถึงจุดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การได้รับตำแหน่งเลขาฯ สมช.ก็ยังถือว่า พอจะรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีเอาไว้ได้ เพราะยังสามารถถวายการอารักขาได้ตามความตั้งใจที่จะอุทิศชีวิตเป็นราชพลีอยู่แล้ว
ประการสำคัญก็คือ เลขาฯ สมช.เป็นคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. โดยตำแหน่ง !
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรในวันข้างหน้าคงได้รู้กันว่า สิ่งที่วางแผนจะสร้างรัฐตำรวจนั้นมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
การทำงานในตำแหน่งเลขาฯ สมช.ก็จะเป็นการพิสูจน์ความสามารถของ พล.ต.อ.วิเชียร ทั้งในแง่การข่าว และในแง่ของการประคับประคองสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปด้วยพร้อมๆ กัน
อย่างไรก็ตาม มุมมองของ ตท.12 เพื่อนร่วมรุ่นนั้น เรื่องนี้อาจเป็นการลิดกิ่ง ตัดใบไม่ให้กลุ่มก๊วน ตท.12 เข้มแข็ง
เป็น ตท.12 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.เป็นแกนหลัก
วงในกองทัพที่ใกล้ชิดกับรุ่น ตท.12 เผยว่า "มีการพูดคุยกันว่า ทำไมจึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นการท้าทายกันมาก แต่เนื่องจากเป็นเรื่องภายในองค์กรตำรวจ เพื่อนๆ คงช่วยอะไรไม่ได้มาก ได้แต่ให้กำลังใจกันเท่านั้น"
นอกจากนี้ ยังมีการวิเคราะห์กันว่า การปลด พล.ต.อ.วิเชียร ถือเป็นบันไดขั้นแรกในการตัดแขนตัดขา ผบ.ทบ ซึ่ง พล.ต.อ.วิเชียรถือว่าเป็น "แขนซ้าย" ของ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนบรรดา ผบ.เหล่าทัพ ถือเป็น "แขนขวา" ที่คอยประคับประคองเส้นทางอำนาจของ ผบ.ทบ.
"มีการวิเคระห์กันอีกว่า การปลด พล.ต.อ.วิเชียร ถือเป็นจุดเริ่มต้นของแผนการโดดเดี่ยว พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งน่าจะสืบเนื่องมาจากบทเรียนจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่มีการแต่งตั้ง ผบ.เหล่าทัพ และ ผบ.ตร. เป็นนายทหารรุ่นเดียวกัน คือ ตท.6 ทั้งหมดจนนำมาสู่การยึดอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในที่สุด ดังนั้น ต้องจับตาว่า โผ ผบ.เหล่าทัพ ที่มี ตท.12 เป็นแคนดิเดต อาจมีการเปลี่ยนแปลงในบางตำแหน่ง"
จากบทวิเคราะห์ของวงในกองทัพดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า นายห้างดูไบยังคง "ผวา" กับบทเรียนเมื่อปี 2549 ซึ่งการจัดการ ผบ.ตร. อาจส่งผลกระเทือนไปถึงตำแหน่ง ผบ.เหล่าทัพ ของ ตท.12 ในบางตำแหน่ง เพื่อป้องกันไม่ให้กงล้อประวัติศาสตร์ย่ำรอยเดิมอีก
น่าสนใจว่า ความพยายาม "อุดช่องโหว่" ของนายใหญ่ในครั้งนี้จะเป็นการ "แหย่หนวดเสือ" หรือไม่
ว่ากันว่า ชนวนเหตุในการยึดอำนาจเมื่อปี 2549 นอกจากเรื่องการป้องกันเหตุม็อบชนม็อบแล้ว การเตรียมที่จะ "ย้าย ผบ.เหล่าทัพ" ถึง "2 ตำแหน่ง" ในเดือนตุลาคมปี 2549 ก็อาจเป็นชนวนสำคัญที่เร่งให้เกิดการรัฐประหารในครั้งนั้นด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น