วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

300

ประสบกับตัวเองครั้งแรกเมื่อปี 1968 เป็นช่วงซัมเมอร์ ว่างจากเรียนจึงคิดหางานทำ นายจ้างบอกว่าผมไม่มีประสบการณ์ จ้างได้ แต่ได้ค่าจ้างแค่ขั้นต่ำ นายจ้างจ่ายผม $ 2.50 ต่อ ช.ม. กำลังอยู่ในวัยเรียน มีงานหารายได้พิเศษ เท่าไหร่ก็ไม่เกี่ยงครับ กว่า ๔๐ ปีแล้ว ตรวจสอบแล้ววันนี้ค่าแรงขั้นต่ำของสหรัฐน่าจะอยู่ประมาณ $ 8.00 - $ 9.00 ต่อ ช.ม.

ดังนั้นต้องทำความเข้าใจเป็นเบื้องต้นก่อนเลยว่า อัตราค่าแรงขั้นต่ำหมายถึงค่าจ้างแรงงานที่ไม่มีทักษะฝีมือใดๆทั้งสิ้น ถ้านักการเมืองบอกว่ากำหนดค่าแรงขั้นต่ำไว้ที่ ๓๐๐ บาทต่อวัน แต่มีข้อแม้ว่าต้องผ่านการอบรม แสดงว่าเขาไม่เข้าใจหรือแกล้งโง่เท่านั้นเอง เพราะเมื่อเพิ่มทักษะฝีมือให้ลูกจ้างแล้ว ลูกจ้างควรที่จะได้ค่าแรงในอัตราตามความสามารถ ไม่ใช่ได้ค่าจ้างในอัตราเพียงขั้นต่ำ

บ้านเราคิดค่าแรงขั้นต่ำเป็นรายวันครับ หลายประเทศเขาใช้ฐานคิดค่าแรงขั้นต่ำเป็นรายชั่วโมงเช่นที่สหรัฐอเมริกา เพราะมีแรงงานที่เป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา แม่บ้าน ที่ไม่พร้อมทำงานเต็มเวลาแต่ต้องการทำงานเป็นรายชั่วโมงเป็นจำนวนมาก หลักคิดของการคำนวนค่าแรงขั้นต่ำเป็นรายวันและไม่ยืดหยุ่นแบบของเราทำให้ตลาดแรงงานแคบลง นายจ้างอาจต้องการว่าจ้างเป็นรายชั่วโมงได้แต่ก็จะมีอุปสรรคมาก คุณอภิสิทธิ์มอบให้กระทรวงแรงงานไปดำเนินการปรับปรุงมาตรการในเรื่องนี้แล้ว แต่ก็ไม่ได้ดังใจเพราะหน่วยงานราชการจะใช้เวลานานกว่าจะได้ข้อยุติ

ผมมาเจอเรื่องของค่าแรงขั้นต่ำอีกครั้งตอนที่ผมพักงานทางการเมือง (ช่วงปฏิวัติ รสช.) เข้าอบรมผู้บริหารระดับสูงที่มหาวิทยาลัย Stanford นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง lecture เรื่องของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ท่านผู้รู้กล่าวว่ารัฐฯไม่ควรกำหนดค่าแรงขั้นต่ำเสียด้วยซ้ำ เพราะทำให้คนตกงานเนื่องจากนายจ้างต้องจ้างคนงานในอัตราค่าแรงที่สูงเกินไป ทำให้ต้นทุนการประกอบธุรกิจสูง ประเด็นนี้ถกเถียงกันจนหมดเวลา lecture ก็หาข้อสรุปไม่ได้

ลองคิดแนวนี้ดูบ้างครับ การดำเนินธุรกิจค้าขายเป็นของภาคเอกชน จะกำไรหรือขาดทุน ภาระภาษีของเขานั้นมีอยู่แล้ว ถามว่ารัฐฯใช้อำนาจจากไหนที่จะมากำหนดว่าภาคเอกชนต้องจ้างคนงานในอัตราค่าจ้างเท่าไหร่ อย่างไร ไม่ใช่เป็นเรื่องสมยอมระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างไม่ใช่หรือ

In 1912, Massachusetts organized a commission to recommend non-compulsory minimum wages for women and children. Within eight years, at least thirteen U.S. states and the District of Columbiawould pass minimum wage laws.1"[2] The Lochner era United States Supreme Courtconsistently invalidated compulsory minimum wage laws. Such laws, said the court, were unconstitutional for interfering with the ability of employers to freely negotiate appropriate wage contracts with employees.2"[3]

The first attempt at establishing a national minimum wage came in 1933, when a $0.25 per hour standard was set as part of the National Industrial Recovery Act. However, in the 1935 court caseSchechter Poultry Corp. v. United States (295 U.S. 495), the United States Supreme Courtdeclared the act unconstitutional, and the minimum wage was abolished. ( Wikipedia )

ผมนำข้อมูลของกระบวนการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำให้เป็นกฎหมายในสหรัฐจาก wikipedia มาเป็นข้อมูลประกอบ จะเห็นว่ารัฐบาลสหรัฐพยายามหลายครั้งกว่าจะออกกฎหมายกำหนดค่าแรงขั้นต่ำได้ เพราะตอนเริ่มใหม่ๆก็ถูกศาลวินิจฉัยว่าไม่เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด รัฐฯจะแทรกแซงกิจการของภาคเอกชนไม่ได้

บ้านเราทำเรื่องค่าแรงขั้นต่ำโดยใช้รูปแบบของคณะกรรมการ เป็นคณะกรรมการสามฝ่าย ให้ผู้เกี่ยวข้องที่มีส่วนได้ส่วนเสียคือ รัฐบาล ตัวแทนนายจ้าง และ ตัวแทนลูกจ้าง เป็นกรรมการ พิจารณากำหนดค่าแรงขั้นต่ำและให้ความเห็นชอบร่วมกันครับ

นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์หาเสียงไว้ว่าจะปรับค่าแรงขึ้นอีกร้อยละ ๒๕ ภายในเวลาสองปี ไม่บอกว่าเราทำได้ทันที เพราะเราต้องการให้ภาคเอกชนได้มีเวลาปรับตัว ปรับสภาพธุรกิจ ให้ภาคเอกชนได้เห็นหน้าตาของรูปแบบและแนวทางความช่วยเหลือที่รัฐฯจะมีให้ เพื่อชดเชยกับค่าแรงที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น รัฐฯจำเป็นที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน ถ้าภาคเอกชนไม่เห็นด้วย ก็ยากที่คณะกรรมการไตรภาคีจะสามารถเดินหน้าต่อได้

ที่สำคัญไม่น้อยกว่าคือการไม่ดำเนินการทันทีทำให้รัฐฯจะมีเวลาร่วมสองปีที่จะควบคุมราคาสินค้าให้อยู่ในกรอบที่เป็นการค้าขายอย่างเสรีจริง ไม่ใช่ปล่อยให้มีการใช้อำนาจเหนือตลาด พ่อค้ากำหนดราคาขายตามใจชอบ ถ้าไม่เตรียมการให้ดี การปรับค่าแรงขั้นต่ำจะสูญเปล่าเพราะของจะแพงขึ้นไปอีก มีเงินในกระเป๋ามากขึ้นก็จะไม่มีประโยชน์

( ข้อเสียของนโยบายก็แบบที่เห็น ไม่โดนใจเท่ากับ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศและทำได้ทันที เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แพ้เลือกตั้ง )

ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง ผมได้ไปดีเบตในเวทีของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตามคำเชิญของมหาวิทยาลัยโดยกลุ่ม Policy Watch เป็นการเข้าร่วมกิจกรรมเวทีถามตอบหัวข้อ "นักเศรษฐศาสตร์พบนักการเมือง" วันนั้นมีตัวแทนจากสองพรรค

ผมจากพรรคประชาธิปัตย์ และ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช จากพรรคเพื่อไทย ตัวแทนกลุ่ม Policy Watch ผู้ตั้งคำถาม ได้แก่ รศ.ดร.สกนธ์ วรัญญูวัฒนา, รศ.ดร.ปัทมาวดี ซูซูกิ และ ผศ.ดร.อภิชาต สถิตนิรามัย

เกือบสามชั่วโมงครับที่อยู่บนเวที ถามตอบกันไปหลายเรื่อง.......

ที่น่าสนใจคือคำถามเกี่ยวกับเรื่องของค่าแรงขั้นต่ำ มีคำถามว่าทั้งสองพรรคคิดว่านโยบายเพิ่มค่าแรงนั้นจะทำได้จริงหรือไม่ และผลกระทบจะเป็นอย่างไร ประเด็นที่ผมว่าท่านผู้อ่านน่าจะได้รับทราบคือคำตอบของพรรคเพื่อไทย ของดร. สุชาติ ธาดาธำรงเวช ครับ

คำถามว่า......จะขึ้นค่าแรงอย่างไรเพราะคณะกรรมการไตรภาคีอาจไม่เห็นด้วย

ท่านตอบว่า.......เมื่อเราเป็นรัฐบาล เราสั่งได้อยู่แล้ว!

นั่นคือคำตอบของพรรคเพื่อไทย ไม่น่าเชื่อใช่ไหมครับ

เวทีวันนั้นเป็นเวทีเล็กๆ สื่อให้ความสนใจน้อย แน่นอนว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ๔๐ ล้านคนไม่ได้ยินได้ฟังคำตอบแบบนี้หรอกครับ

ท่านผู้อ่านเข้าใจชัดเจนแล้วใช่ไหมครับ ว่าทำไมเราจึงไม่ได้เห็นคุณยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย ปรากฎตัวหน้าจอทีวี ตอบคำถามที่เป็นสาระที่เกี่ยวกับนโยบายสำคัญๆให้กับประชาชนได้รับทราบก่อนตัดสินใจหย่อนบัตรเลือกตั้ง

( กอร์ปศักดิ์ อธิบายนโยบายเศรษฐกิจ http://www.youtube.com/watch?v=nEvIb-pVeW4&feature=relmfu )

ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ (ฉบับฮาแกมเหน็บแนม)

คัดมาให้อ่านกัน 7 สุดยอดนโยบายพรรคเพื่อไทย สมกับคำขวัญ ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ

นโยบายด้านเศรษฐกิจ

1. แนะนำวิธีการเลี่ยงภาษีและซุกหุ้นจนถูกศาลพิพากษายึดทรัพย์
2. โครงการนำน้ำมันล้านลิตรมาเปลี่ยนกรุงเทพเป็นทะเลเพลิง
3. อบรมและฝึกอาชีพมวลชนให้ตกใจแล้วATMปล้นและเผาเพื่อกระจายรายได้
4. อพยพครอบครัวเจ้านายไปช้อปปิ้งต่างประเทศระหว่างก่อเหตุจลาจล

นโยบายด้านศาสนา สังคม ศิลปวัฒนธรรม

1. ปลอมโจรให้เป็นพระ
2. ย้อมสีกรุงเทพให้เป็นงานศิลปะด้วยเลือดสดๆ
3. ประดับศาลากลางจังหวัดด้วยเพลิง
4. อบรมการประท้วงและต่อสู้ทางการเมืองให้พระสงฆ์

นโยบายด้านสาธรณสุข

1. บุกเยี่ยมผู้ป่วยในยามวิกาลที่โรงพยาบาลจุฬา
2. ปิดทางไม่ให้ผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาในขณะที่ตนชุมนุม

นโยบายด้านการต่างประเทศ

1. ซ้อมหนีเหตุจลาจลให้ผู้นำประเทศอาเซียนที่พัทยา
2. เซ็นอนุญาตยกเขาพระวิหารให้เป็นมรดกโลกหลังถูกเพื่อนบ้านเผาสถานฑูต
3. บริการเป็นที่ปรึกษาใหญ่ให้กับประเทศที่มีปัญหาเขตแดนกับประเทศตัวเอง

นโยบายด้านการทหารและกลาโหม

1. ทดลองระเบิดของจริงที่สมานเมตตาแมนชั่น
2. ฝึกมวลชนให้รู้จักการปล้นและใช้อาวุธปืนของทหาร
3. สนับสนุนให้ผู้ใหญ่ใช้เด็กน้อยเป็นโล่มนุษย์
4. แกนนำปลอดภัยมวลชนตายก่อน

นโยบายด้านการท่องเที่ยวและกีฬา

1. จัดคาราวานมวลชนเสื้อแดงสัญจรรอบๆกรุงเทพ ปิดถนน ปิดทางแยก
ทางร่วม
2. ยกพวกไปแสดงพลังและออกกำลังกายที่พัทยาจนประตูโรงแรมพัง
3. ทำม่านบังแดงให้กรุงเทพด้วยควันจากการเผายางรถยนต์
4. ทำแสงสีเสียงให้กรุงเทพด้วย M-79 ระเบิดปิงปอง พลุ ตะไล และเพลิงเผาห้าง

นโยบายด้านการเมือง

1. ปิดแยกราชประสงค์รายเดือนเพื่อประชาธิปไตยและละเมิดสิทธิ์คนอื่น
2. ปรองดองด้วยการนับเหมาผู้เสียชีวิตรวมกันหมดระหว่างประชาชนทั่วไป
เจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่และศพผู้ก่อการร้าย
3. สนับสนุนประชาธิปไตยในครอบครัวโดยให้เมียผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีหนีคดีมาลงปาร์ตี้ลิสต์
4. แปลงผู้ต้องหาก่อการร้ายและทนายความผู้ติดสินบนศาลให้เป็นผู้แทนราษฎร์


วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ลงชื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.112

กิจกรรมลงชื่อคัดค้านการแก้ ม.112 ของกลุ่ม "เครือข่ายเฝ้าระวัง พิทักษ์และปกป้องสถาบันฯ" (สำนักช่าว T-News ร่วมกับกลุ่มสยามสามัคคี และกลุ่มเครือข่ายปกป้องสถาบันบ​นเฟซบุค)

สามารถส่งเอกสาร (สำเนาบัตรประชาชน ขีดคล่อมว่า "ขอยื่นคัดค้าน การแก้ไข กฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒") ได้ที่...
*Fax : 02-525-4259 หรือ
*ทางไปรษณีย์ไปที่ : เครือข่ายเฝ้าระวัง พิทักษ์และปกป้องสถาบันฯ 50/33 หมู่ 5 ต.ตลาดขวัญ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี 11000 สอบถามเพิ่มเติมโทร 02-525-4258

ขบวนการเปลี่ยนระบอบล้มล้างสถาบันฯ

ขบวนการเปลี่ยนระบอบล้มล้างสถาบันฯ ในปัจจุบัน ถ้าทุกท่านได้ติดตามและลองสังเกตจะพบว่า ขบวนการเหล่านั้นจะแทรกซึมสู่ระดับท้องถิ่น อาศัยการรวมกลุ่มเล็กๆ ขยายวงไปสู่การรวมกลุ่มแนวร่วมต่างๆ แล้วสนทนาพูดคุยพาดพิงสถาบันฯ แบบภาษาชาวบ้านๆ ด้วยวิธีการเล่าปากต่อปาก เขาเล่าว่า… ข่าววงใน… ซึ่งการพูดคุยระดับนี้ เจ้าหน้าที่เข้าไปไม่ถึง และแน่นอน! ชาวบ้านที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ย่อมคล้อยตาม “เรื่องขี้ปาก”

ขบวนการเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงพวกหัวซ้ายแต่มีไปถึงระดับการเมือง ซึ่งเราทราบกันดีว่าแฝงตัวอยู่ในกลุ่มเสื้อสีใด คนในขบวนการจะทำทุกวิถีทาง อาศัยทุกช่องทางทั้ง นักวิชาการและสื่อทุกแขนง ซึ่งสองกลุ่มดังกล่าวต่างมีอิทธิพลต่อความคิดของผู้คน ดังที่เราได้พบเห็นกันว่า ได้มีการพยายามสร้างกระแสข่าวเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมทางการเมือง แล้วบิดเบือนว่าสถาบันฯ มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือการออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไข ม.112 ของนักวิชาการ นักเขียน และฝ่ายการเมืองบางกลุ่ม โดยการอ้างว่า ม.112 ถูกใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งทางการเมือง จึงเห็นได้ชัดว่า ขบวนการเหล่านี้ พยายามดึงสถาบันฯ ให้มาเกี่ยวข้องกับการเมือง

และหากเราสังเกตุกันให้ดี หลังจากการเข้ามามีอำนาจทางการเมืองของบุคคลบางคน ประเทศไทยเริ่มแบ่งฝ่าย บ้านเมืองไม่สงบสุขดังเดิม เพราะใคร? พวกล้มเจ้าฯ แสดงตัวตนอย่างเด่นชัดขึ้นและไม่มีความยำเกรงต่อกฎหมาย จะว่าเพราะกฎหมายเราไม่เข้ม หรือ……มีคนบางคนใช้อำนาจนั้นซื้อความเป็นคนของผู้มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายไปเสียแล้ว ทำไมกระทรวงบางกระทรวงถึงไม่ค่อยทำหน้าที่บล๊อคเว็บหมิ่น ทำไมมีการปล่อยให้ขายสินค้าเสื้อผ้าที่มีข้อความหมิ่นเหม่ ทำไม……เพราะใคร?

  • นปช.ยูเอสเอ เปิดเว็บหมิ่นอย่างไม่เกรงกลัว
  • ชูพงษ์ ถี่ถ้วน อดีตคนขับแท็กซี่ ได้รับการนับถือว่าเป็น “อาจารย์” จากกลุ่มเสื้อแดง และกล่าวพาดพิง ด่าทอสถาบันออกรายการวิทยุอย่างโจ่งแจ้ง
  • เสื้อแดงเปิดเพจหมิ่นบนเฟซบุคอย่างโจ๋งครึ่ม
  • นักวิชาการอย่างสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล หรือ ใจล์ อึ้งภากรณ์ วิพากษ์วิจารณ์สถาบันอย่างเปิดเผยและคอยเสี้ยมลูกศิษย์
  • นักเขียนอาชีพบางกลุ่มออกมาเรียกร้องให้แก้ ม.112 โดยอ้างการเมือง
  • นักการเมืองบางกลุ่มขึ้นเวทีราศรัยพูดจาพาดพิงสถาบันฯ
  • มีหมู่บ้านเสื้อแดง ปักธงแดง ปลดรูป….

ฯลฯ

ทุกอย่างมันเด่นชัดขึ้นในทุกวัน…คนไทยที่เคยจงรักภักดี คุณจะยอมให้นักการเมืองที่เข้ามากอบโกยผลประโยชน์แล้วก็จากไป…ใช้คุณเป็นเครื่องมือทำร้าย ทำลายบ้านและชีวิตคุณเองอีกต่อไปงั้นหรือ?


อิ๊กคึอิ๊ก คึอิ๊กคึอิ๊ก คิวซัง

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ต่อต้านคอรัปชั่น!!

คอร์รัปชันกับความรุ่งเรืองประเ​ทศ ยังไงๆ ก็ไปด้วยกันไม่ได้ โดยกาแฟดำ

"เพราะบ้านเมืองไหนที่ผู้มีอำนา​จโกงกินก็มีแต่จะคอยวันหายนะเท่​านั้น อะไรที่ดูเหมือนเฟื่องฟูนั้นก็เ​ฉพาะแต่คนกลุ่มเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอิทธิ​พลชั่วคราวเท่านั้น"


ข่าวแรกบอกว่าคนไทยร้อยละ 64.5 บอกกับเอแบคโพลล์ว่า ยอมรับได้ถ้ารัฐบาลทุจริตคอร์รั​ปชันแล้วทำให้ประเทศชาติรุ่งเรื​อง ประชาชนกินดีอยู่ดี ตนเองได้รับประโยชน์ด้วย

อีก 35.5% ยืนยันว่า รับไม่ได้

วันต่อมามีข่าวว่าสมัชชาคุณธรรม​แห่งชาติ เสนอรัฐบาลใหม่ประกาศ 22 กรกฎาคมทุกปี เป็น วันซื่อตรงแห่งชาติ และบังคับให้นักการเมืองมีจรรยา​บรรณสร้างชาติอย่างโปร่งใส ขณะที่ ภาคีต่อต้านการทุจริต ประกาศว่าจะถกมาตรการเชิงรุกกัน​อีกรอบหนึ่งในวันที่ 3 สิงหาคมนี้

ผมควรจะเสียใจกับข่าวแรกและยินด​ีกับข่าวที่สอง หรือผมควรจะต้องเตรียมใจผิดหวัง​ได้ล่วงหน้าเลยว่าข่าวที่สองยัง​ไงๆ ก็ไม่สามารถทำให้ข่าวที่หนึ่งหา​ยไปได้

แต่ผมทำใจอย่างนั้นไม่ได้ เพราะถ้าผมยอมรับว่าข่าวแรกเป็น​ข่าวจริง และคนไทยเกินครึ่งประเทศเห็นว่า​ใครจะโกงบ้านโกงเมืองไม่เป็นไร ขอให้เศรษฐกิจดีและตัวเองได้ประ​โยชน์ก็รับกันได้อย่างหน้าชื่นต​าบาน ไม่อายเทวดาฟ้าดินด้วย

เมื่อผมรับไม่ได้ ผมก็อยากจะเชื่อว่าการทำโพลล์คร​ั้งนี้ (หรือครั้งก่อนๆ ที่มีผลออกมาคล้ายกันอย่างนี้) คงจะมีปัญหาในการหาตัวอย่างของค​นที่จะถูกถาม หรือไม่คำถามที่ตั้งให้เขาตอบก็​คงจะต้องผิดเพี้ยนออกไปจากที่คว​รจะเป็นแน่นอน

เพราะไม่มีประเทศไหนในโลกที่นัก​การเมืองฉ้อฉลโกงกินแล้ว ประเทศชาติจะเจริญ เศรษฐกิจเฟื่องฟู และประชาชนจะได้ประโยชน์โดยทั่ว​หน้ากันจนเกิดความสุโขสโมสร และจะมองผู้มีอำนาจที่คอร์รัปชั​นนั้นด้วยความชื่นชมว่า นายแน่มาก!

เพราะบ้านเมืองไหนที่ผู้มีอำนาจ​โกงกินก็มีแต่จะคอยวันหายนะเท่า​นั้น อะไรที่ดูเหมือนเฟื่องฟูนั้นก็เ​ฉพาะแต่คนกลุ่มเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอิทธิ​พลชั่วคราวเท่านั้น

ยังไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ว​่าสังคมไหนที่มีผู้นำฉ้อฉล ประชาชนจะแซ่ซ้องสรรเสริญ

ดังนั้น ที่โพลล์สำรวจออกมาพบว่าคนไทยกว​่า 60% ยอมรับได้ หากผู้นำโกงแต่เศรษฐกิจดีและประ​ชาชนมีความสุข จึงเป็นการตั้งประเด็นหรือคำถาม​ที่ผิด

ต้องกลับไปถามใหม่ว่าที่ว่ายอมร​ับว่า โกงได้ นั้น แปลว่าโกงมาให้ประชาชนสุขสบายอย​่างนั้นหรือ

ผมจึงเห็นว่าข้อเสนอในข่าวที่สอ​งน่าจะมีเนื้อหาน่าสนใจกว่า เพราะ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป ประธานกรรมการจัดงานสมัชชาคุณธร​รมแห่งชาติ บอกว่า จะเสนอเชิงนโยบายต่อรัฐบาลรัฐสภ​าใหม่ ขอให้รัฐบาลประกาศความมุ่งมั่นอ​ย่างบริสุทธิ์ใจที่จะเป็นรัฐบาล​แห่งความซื่อตรง มีนโยบายสร้างคุณธรรมเคียงคู่ไป​กับนโยบายประชานิยม เศรษฐกิจ และความมั่นคง

อีกทั้งยังเสนอให้ตั้ง กองทุนไทยซื่อตรง เป็นกองทุนเฉพาะกิจมาสนับสนุน ใช้ข้อบังคับจรรยาบรรณนักการเมื​องเป็นเครื่องมือร่วมสร้างชาติใ​ห้โปร่งใส

สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ บอกว่า สถานการณ์ทุจริตคอร์รัปชันในประ​เทศรุนแรงมากขึ้น เครือข่ายจึงจะร่วมกันจัดทำแผนแ​ม่บทความซื่อตรงแห่งชาติ เพราะไม่สามารถจะปล่อยให้สังคมไ​ทยอยู่กับค่านิยมที่มองการทุจริ​ตเป็นเรื่องปกติ

แต่พลังขับเคลื่อนไม่เพียงพอกับ​สถานการณ์... คือ คำอธิบายของคณะกรรมการสมัชชาคุณ​ธรรมที่จะต้องวาง แผนแม่บท เพื่อต่อสู้กับแนวโน้มที่น่าเป็​นห่วงยิ่งของประเทศ

ฉะนั้น ไม่ว่าคุณจะเชื่อว่าสังคมไทยเกิ​นครึ่งยอมรับการโกงกินเป็นเรื่อ​งปกติและ ยอมรับได้ หากเจ้าตัวได้ประโยชน์จากคอร์รั​ปชันของผู้ปกครองประเทศหรือไม่ คุณก็จะต้องเป็นส่วนหนึ่งของการ​สร้าง ความซื่อตรงแห่งชาติ

เพื่อลบล้างความเชื่อที่ว่าคนไท​ยยอมให้นักการเมืองโกงได้ถ้าเขา​ได้ประโยชน์จากการโกงนั้น

รู้ถึงไหน อายที่นั่น

วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

มองภาพนี้แล้วรู้สึกยังไง


ท่านมองภาพนี้แล้วรู้สึกยังไง












การตัดแบ่งเค๊กวันเกิดของคุณทักษิณ ชิณวัตร

ภาพที่เห็นคือกลุ่มคนเสื้อแดงและอดีตนายกรัฐมนตรีสมชาย วงสวัสดิ์ น้องเขยของคุณทักษิณ ชิณวัตรกำลังตัดแบ่งก้อนเค๊กสี่เหลี่ยม มีรูปประเทศไทยสีแดงอยู่บนเค๊ก แสดงให้เห็นถึงอะไร หรือนี่หมายความถึงกำลังแบ่งประเทศนี้ให้ได้กินกัน

สละชีพป้องผืนป่า 9 วัน 17 ราย กับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ฮ.ทัพบกไทย



สละชีพป้องผืนป่า 9 วัน 17 ราย กับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ฮ.ทัพบกไทย



Mthai news: หลังการเปิดฉากยุทธการขับไล่ชนกลุ่มน้อยที่บุกรุกผืนป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บนแผ่นดินไทย กับชุดภาคพื้นเดินเท้าเข้าป่านานนับวัน เพื่อจับกุมผู้บุกรุกตัดไม้ทำลายป่าเป็นบริเวณกว้าง จนสามารถจับกุมผู้บุกรุกได้จำนวนหนึ่ง แต่หลงทิศทางไม่สามารถหาทางออกจากป่าได้ จึงมีการร้องขอความช่วยเหลือจากอากาศยาน นี้จึงถือเป็นก้าวแรกโศกนาฏกรรม แห่งป่าแกงกระจาน

แต่ต้องสูญเสียเฮลิคอปเตอร์ที่ทยอยตกถึง 3 ลำ ในเวลาไล่เลี่ยกัน แถมสังเวยชีวิตกำลังพลไปถึง 16 ราย พลเรือน 1 ราย ชางเครื่องรอดเพียง 1 ราย เครื่องดับสยอง 3 ศพ ผู้รอดชีวิตเผยเครื่องบินมีปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้อง ก่อนควงสว่านกระแทกพื้นไฟลุกไหม้

ซึ่งหลังเกิดเหตุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการกองทัพบก ก็ออกมายอมรับด้วยตัวเองว่า สาเหตุการตกของ ฮ.ลำล่าสุดนั้นไม่ได้เกิดจากสภาพอากาศเหมือน 2 ครั้งที่ผ่านมา โดยสันนิษฐานว่าเกิดจากเครื่องยนต์ขัดข้อง แต่ก็ต้องรอการตรวจสอบสาเหตุที่แน่นอนต่อไป

อุบัติเหตุ ทั้ง 3 ครั้งนี้ถือว่าเป็น โศกนาฏกรรมที่รุนแรงมากที่สุดใ นรอบหลายสิบปีเลยทีเดียว เพราะได้สูญเสียนายทหาร จำนวนมาก ที่สำคัญยังมีนายทหารสูงระดับ ผู้บัญชาการกองพ ล

แม้กองทัพไทย ที่เพิ่งได้รับการจัดอันดับความเข้มแข็ง อันดับ 19 ของโลก หมาด ๆ จากการลำดับของต่างประเทศนั้น แต่นี่กับเป็นการบ่งบอกถึงอะไร ทั้งที่ไม่ใช่การรบ

สำหรับเฮลิคอปเตอร์ที่ประจำการอยู่ในกองทัพบกมีทั้งสิ้น 7 แบบ มีจำนวนประมาณกว่า 220 ลำ ดังนี้

1.เฮลิคอปเตอร์ฝึก แบบ 300 (ฮ.ฝ.300) เป็นเฮลิคอปเตอร์ฝึกขั้นต้น 2 ที่นั่ง มีจำนวนประมาณ 48 ลำ

2.เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ 206 (ฮ.ท.206) เป็นเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป 5 ที่นั่ง มีจำนวนประมาณ 10 ลำ

3.เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ 1 (ฮ.ท.1) หรือ ฮิวอี้ เป็นเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป 13 ที่นั่ง มีจำนวนประมาณ 90 ลำ

4.เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ 212 (ฮ.ท.212) หรือ เบลล์ เป็นเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป 14 ที่นั่ง มีจำนวนประมาณ 60 ลำ

5.เฮลิคอปเตอร์ลำเลียง แบบ 47 (ฮ.ล.47) หรือ ชินุก เป็นเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงขนาดกลาง 38 ที่นั่ง มีจำนวนประมาณ 6 ลำ

6.เฮลิคอปเตอร์โจมตี แบบ 1 (ฮ.จ.1) หรือ คอบบร้า เฮลิคอปเตอร์โจมตี จำนวน 2 ที่นั่ง มีจำนวนประมาณ 3 ลำ

7.เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป ฮ.ท.60 หรือ แบล็กฮอว์ก เป็นเฮลิคอปเตอร์ลำเลียง มีจำนวนประมาณ 7 ลำ


ที่มา : http://news.mthai.com/webmaster-talk/124260.html

"ใจ"ปลุกแดงอย่าเชื่อระบบรัฐสภา...

สัปดาห์หลังการเลือกตั้ง แต่ไม่มีรัฐบาลใหม่ที่มาจากเสียงประชาชน และอภิสิทธิ์มือเปื้อนเลือดยังเป็นนายกฯ ปรากฏการณ์นี้ตรงข้ามกับหลักการประชาธิปไตยพื้นฐาน ...

ขึ้นต้นกันอย่างนี้จะเป็นใครอื่นไม่ได้ นอกจาก นายใจ อึ๊งภากรณ์ แกนนำขบวนการล้มเจ้า ที่ยังเกาะกระแสคนเสิ้อแดงและชัยชนะในการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย อย่างต่อเนื่อง

และก็เป็นนายใจ ที่อ้างความล่าช้าของกระบวนการพิจารณารับรองส.ส.ว่าเป็นอคติที่นำไปสู่รัฐประหาร ๑๙ กันยาแต่แรก และวิกฤตการเมืองเรื้อรังของไทย

หนำซ้ำก็เป็น นายใจ ที่อ้างความคิดในระบบการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย ว่า ควรเปิดสภาทันที และตั้งรัฐบาล ภายหลังการเลือกตั้ง โดย กกต. ไม่ควรมีสิทธิ์อะไรที่จะรับรอง สส. เลย

แต่ถ้าพบภายหลังว่า ส.ส. คนไหนโกงการเลือกตั้งจริงๆ ก็ควรจะปลดออกหลังการตั้งรัฐบาลและการเปิดสภา แล้วนำบุคคลเหล่านั้นมาขึ้นศาล

ข้อสรุปของ นายใจ ชัด ๆ ตรงไปตรงมา แบบนี้ "เราต้องยกเลิก กกต. ... "

ปะ ฉะ ดะ กกต. เรียบร้อย นายใจ ก็บานปลายความคิดไปเล่นงาน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ว่า ถึงเวลาต้องยกเลิกคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ที่เต็มไปด้วยทหาร ตำรวจ และเสื้อเหลืองด้วย

เพราะรายงานเรื่องการฆ่าประชาชนเมื่อพฤษภาคมปีที่แล้ว ก็ยังไม่ออกมาสักที และถ้าออกมาเราก็สงสัยว่าจะปกปิดอะไรบ้างอีกด้วย ทำงานล้าช้าแบบเต่าล้านปีเช่นกัน

และสิ่งที่ขาดไม่ได้ของ นายใจ ก็คือ กรณีกฎหมายหมิ่นสถาบันเบื้อสูง ที่อ้างว่าเป็นเหตุผลหนึ่งในความจำเป็นต้องปลดคณะกรรมการสิทธิมนุษชน เพราะ ปล่อยให้คนโดนคดีและติดคุก จากกฎหมาย 112

" มันมีหลายๆ เรื่องที่ต้องปฏิรูปแก้ไขในสังคมไทย หลังการเลือกตั้ง เช่น การปล่อยนักโทษการเมืองทุกคน การยกเลิกกฏหมาย 112 , การยกเลิกการเซ็นเซอร์สื่อ , การปลดนายพลอย่างประยุทธ์ออก และปฏิรูปกองทัพ และระบบยุติธรรมสองมาตรฐานอย่างถอนรากถอนโคน การนำอาชญากรที่ฆ่าประชาชนเมื่อปีที่แล้วขึ้นศาล ฯลฯ

ทั้งหมดทั้งมวล เป็นแนวทางการเคลื่อนไหวที่ นายใจ เห็นว่าคนเสื้อแดงควรเดินหน้าด้วยตัวเอง หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมาปรามนปช.ให้หยุด ซึ่ง นายใจ บอกว่า เป็นสิ่งเลวร้ายที่สุด และเชื่อว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะไม่ทำในสิ่งเหล่านั้น

ด้วยคำพูดว่า " อย่าลืมว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดจากรัฐสภาตามลำพัง ... "

ตรงนี้สำคัญและต้องติดตามกันต่อไปว่า ระหว่างคนเสื้อแดง กับพรรคเพื่อไทย จะคู่ขนานกันไปอย่างไร ในเมื่อข้อเรียกร้องและแนวทางการทำงานระหว่าง มวลชน กับ พรรคการเมือง ดูเหมือนจะมีรอยห่างมากขึ้นเรื่อย ๆ


ที่มา : http://www.tnews.co.th/html/read_headnews.php?hilight_id=1043

จักรภพ"ขอเพื่อไทยอย่าขวางล้มเจ้า!!

จังหวะที่ออกมายอมรับว่าเป็นขบวนการล้มเจ้า "จักรภพ เพ็ญแข" เขียนบทความเรียกร้องให้รัฐบาลเพื่อไทย อย่าทอดทิ้งคนเสื้อแดง อย่างมีนัยยะที่คนรักเจ้า ต้องร่วมกันจับตาการทำงานพรรคเพื่อไทยอย่างใกล้ชิด

"สิ่งที่น่าสนใจก่อนถึงวันนี้ และเป็นเรื่องเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะไม่มีใครใส่ใจมากนัก นั่นคือความสัมพันธ์เกี่ยวข้อง ระหว่างพรรคเพื่อไทยผู้ได้รับเลือกตั้งด้วย เสียงข้างมากกับ นปช. ซึ่งเป็นภาพหลักที่อธิบายขบวนประชาธิปไตยในปัจจุบัน"

"จักรภพ" เริ่มต้นบทความย้ำความสัมพันธ์อันลึกล้ำ ที่ดำรงอยู่จริง ระหว่างพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง พร้อมติงท่าทีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ออกมาห้ามปรามการเคลื่อนไหวของนปช. ต่อการกดดันคณะกรรมการการเลือกตั้ง

โดย "จักรภพ" ให้เหตุผลว่า ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลประชาธิปไตยกับมวลชนเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ โดยเฉพาะกับเมืองไทยขณะนี้ ถือว่ามีความหมายลึกซึ้งมาก เมื่อเทียบเคียงกับความผิดพลาด ในยุครัฐบาลพลังประชาชน ของอดีตนายกฯ สมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

" รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช และ รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กลายเป็นรัฐบาลล่อนจ้อน เมื่อขาดมวลชนสนับสนุนและปกป้อง โดยเฉพาะเมื่อพันธมิตรฯ เข้ายึดทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๑ และเข้ายึดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ในขณะที่คำขู่ยึดอำนาจจากทหารเกิดขึ้น อยู่เป็นระยะๆ จนไม่นานฝ่าย “เรา” ก็ปิดฉากลง ..."

บทเรียนที่สำคัญคือ รัฐบาลประชาธิปไตยในระบอบเผด็จการที่ห้อมล้อมตัวอยู่นั้น จำเป็นต้องอาศัยแรงสนับสนุนโดยตรงจากมวลชนอย่างยิ่ง “ปรองดอง” มิได้มีหมายความว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะต้องลงไปนอนหงายอยู่กับพื้น และแสดงกิริยาหมอบราบคาบแก้วให้เป็นที่ประจักษ์

และจากข้อเขียนต่อไปนี้ น่าจะถือเป็นเป้าหมายสำคัญของแดงล้มเจ้า อย่าง "จักรภพ" ซึ่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ต่อการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดกับกลุ่มคนเหล่านี้

" เราต้องยอมให้แต่ละฝ่ายยึดมั่นกับปัจจัยสนับสนุนของตนไปพลางก่อน จนกว่าการสละอำนาจ แฝงเร้นบางอย่าง ที่ไม่มีลักษณะ “ขาย” สิทธิขั้นพื้นฐานของมวลชน จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน ...

“เขา” ยัง คงกองทัพที่พรั่งพร้อมด้วยอาวุธ อำนาจตุลาการที่ปฏิเสธมิได้ ตรวจสอบมิได้ และ แม้แต่จะวิจารณ์ก็ไม่ได้ พรั่งพร้อมด้วยนักวิชาการที่พร้อมช่วยอธิบายมิจฉาทิฐิของระบอบเก่าให้กลายเป็นถูก

พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลเพื่อไทย จึงควรงดเว้นในท่าที ... แล้วปล่อยให้ นปช. และกลุ่มพลังประชาธิปไตยต่างๆ ขับเคลื่อนไปตามพลังจริงทางสังคมจะดีกว่า ...

บุคคลที่ "จักรภพ" เขียนถึงอย่างมีอคติ (ร้าย) ซ่อนลึกในใจ คงไม่ต้องอธิบายความว่าหมายถึงใคร สิ่งน่าสนใจคือ บทบาทระหว่างพรรคเพื่อไทย กับ คนเสื้อแดงนปช. จะดำรงอยู่กันแบบไหน ในขณะที่ทัพแดงในบางกลุ่มบางจำพวก แสดงจุดหมายเคลื่อนไหวชัดเจนเป็นลำดับเช่นนี้ ...


ที่มา : http://www.tnews.co.th/html/read_reds.php?hot_id=18

เหิมเกริมหนัก!!หนังสือเทวาสายัณห์จาบจ้วงเบื้องสูงคุกคามราชวงศ์

ขณะที่พรรคเพื่อไทยได้รับโอกาส จากประชาชนคนส่วน ใหญ่ของประเทศ ให้ดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล ดูเหมือนว่ากระแสเรื่องการเรียกร้อง เชิงขู่บังคับให้มีการยกเลิก หรือ แก้ไข กม.หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กลายเป็นคลื่นถาโถมเข้าใส่ว่าที่ผู้นำอย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างไม่จบไม่สิ้น

พร้อมกับคำถามปลายเปิดว่า ที่สุดแล้วว่าที่นายกรัฐมนตรี คนใหม่จะเลือกเดินแนวนโยบายอย่างไร กับการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เคารพรักของคนไทยผู้จงรักภักดี ในขณะที่กลุ่มบุคคลที่เคลื่อนไหว ให้มีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวจำนวนหนึ่ง ถูกมองว่า คือ หมู่มวลมิตรอันใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ



จังหวะการเคลื่อนตัวของคนเสื้อแดง ในการออกมาแสดงเหตุการณ์รำลึก 112 : ถึงเวลาคืนความเป็นธรรมให้ผู้ถูกกล่าวหา และ 3 ปี เหยื่ออธรรม ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล เป็น อีกหนึ่งปฏิกิริยาของการต่อสู้ในเชิงยุทธวิธี ที่แสดงให้เห็นการมีอยู่ของกลุ่มบุคคล ที่มีทัศนคติเป็นอันตรายต่อสถาบันเบื้องสูง

และรวมไปถึงยังเชื่อมั่นว่าทุกการกระทำที่ผ่านมา ในเชิงคุกคาม จาบจ้วง ล่วงละเมิด สถาบันเบื้องสูง เป็นเรื่องถูกต้อง ขณะที่การแสดงออกของ นางดารณี หรือ อีกหลายคนที่โดนลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นความผิดพลาดของกระบวนการยุติธรรม

ขณะเดียวกันกับแนวทางเคลื่อนไหว ในเชิงวิพากษ์วิจารณ์สถาบันเบื้องสูง ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เฉพาะในประเทศไทย และกับขบวนการล้มเจ้า อย่าง นายใจ อึ้งภากรณ์ หรือ นายจักรภพ เพ็ญแข ฯลฯ

แต่กับแนวคิดลักษณะดังกล่าว ยังแพร่กระจายไปในหมู่นักวิชาการต่างประเทศ ที่อาศัยข้อมูลจากขบวนการล้มเจ้าไปดำเนินการต่อยอด แล้วประมวลสรุป เนื้อหาทั้งหมดอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

ก่อนนำเผยแพร่สู่สาธารณะ โดยไม่สนใจใยดีต่อความรู้สึกคนไทยส่วนใหญ่ หรือ แม้พยายามจะสอบถามข้อมูลอีกด้าน เพื่อถ่วงน้ำหนักข้อเท็จจริง

Federico Ferrara ที่บอกว่าตัวเองเป็น ผู้ช่วยศาสตราจารย์รัฐศาสตร์ แห่ง มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ คือ อีกคนหนึ่งซึ่งออกมาแสดงความคิดอ่าน ในหลายประเด็นอย่างผิดเพี้ยนจากข้อเท็จจริง ผ่าน หนังสือ “ Thailand Unhinged : The Death of Thai-Style Democracy ” หรือ เทวาสายัณห์: มรณกรรมของประชาธิปไตยแบบไทย

โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์โจมตีพระมหากษัตริย์ไทย ทรงลงมายุ่งเกี่ยวทางการเมือง ในหลายห้วงเวลาของการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย พร้อมกล่าวหาว่าพระองค์ทรงใช้พระราชอำนาจอย่างเป็นอิสระ นอกเหนือบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ

ในขณะที่คนไทยทั้งประเทศรับรู้มาโดยตลอด ในเรื่องพระราชกรณียกิจ อันทรงคุณค่ายิ่งต่อทวยราษฎร์ และก็เป็นพระองค์ที่ทรงระมัดระวังเป็นที่สุด ในเรื่องการใช้พระราชอำนาจ เช่น กรณีการขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี โดยอาศัยความตาม มาตรา 7 แห่งบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ


รวมถึงยังเป็นพระองค์ที่เคยทรงรับสั่งในเรื่อง The King can do no wrong เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2548 ความตอนหนึ่งว่า ...


“เมื่อก่อน ก่อนจะเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นคิง ก็เสียใจหลายครั้ง แต่ตอนเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แล้วเป็นคิง คิงแบบไทย ๆ ฝรั่งบอกเป็นเดอะคิง เข้าใจว่าน้อยครั้งที่ทำผิด เพราะระวัง ถ้าไม่ระวัง ป่านนี้ตายแล้ว ลำบาก ต้องระวัง ไม่ระวังก็ตาย


เป็นเรื่องธรรมชาติ ที่เรียกว่าการเมือง หรือการอยู่ในสายตาของคน สายตาคนฆ่าได้ถ้าเราไม่ระวัง เราตาย ก็เลยถึงบอกได้ว่าทำไมการที่บอกว่า The King can do no wrong เพราะต้อง can do no wrong ”

ไม่เท่านั้น ก็เป็น Federico Ferrara คนเดียวกันนี้ ที่เขียนข้อความในทำนองแสดงความเชื่อส่วนตัว ว่า ความจงรักภักดีของคนไทยจะค่อย ๆ เสื่อมคลายลง

และบางส่วนของข้อความยังเลยเถิด ไปถึงการจาบจ้วงราชวงศ์จักรี อย่างที่คนไทยหากได้มีโอกาสพิจารณาจากถ้อยคำ คงไม่อาจยอมรับได้กับพฤติกรรมของผู้อ้างตัวเป็นนักวิชาการรายนี้

“คนไทยส่วนใหญ่ไม่เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องการจะหมอบราบคาบ เหมือนสุนัขเชื่อง ๆ อย่างที่ ..... เป็นอยู่ ฉะนั้นคงอีกไม่นานเท่าไรที่การประท้วงของคนเสื้อแดง จะกลายเป็นเหมือนระลอกคลื่นเล็ก ๆ ในคลื่นยักษ์สึนามิที่กำลังก่อตัวขึ้นมา และกำลังจะสาดซัดทำลายขั้วอำนาจเก่า และทำลาย......ให้สูญสิ้น ... ”


นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่ง (เท่านั้น) ของการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ที่นักวิชาการต่างประเทศผู้นี้หยิบฉวยสถานการณ์ และ ข้อมูลจากการประมวล ความคิดอ่านของขบวนการล้มเจ้า มาแปรสภาพเป็นหนังสือเชิงวิชาการ ที่ซ่อนเร้นมุมมองการโจมตีพระมหากษัตริย์ และประเทศไทย


ขณะเดียวกันก็เป็นเวปไซด์แดงอย่าง ไทยอีนิวส์ที่นำมาเผยแพร่ในเชิงหลบซ่อนเป้าประสงค์ ด้วยการชมเชยวัตถุประสงค์ของ Federico Ferrara ว่าเป็นการกระตุ้นให้เกิดความเปลี่ยนสังคมที่ดีขึ้น ซึ่งคนไทยทุกคนจะต้องพึงรับรู้และร่วมเฝ้าระวังกันอย่างใกล้ชิด กับข้อมูลในลักษณะนี้ต่อไป ...



ที่มา : http://www.tnews.co.th/html/read_reds.php?hot_id=16

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เมื่อแท็กซี่เื้สื้อแดงเจอกับผู้โดยสารฉลาดๆ

เคยเห็นอันนี้รึยัง ได้มาจาก forward mail

ผู้โดยสาร: ไป...ครับ

แท็กซี่: โอเค...น้องๆ ตั้งแต่เพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล อะไรๆก็ดีขึ้นอะ ไอ้นู่นก็ดี ไอ้นี่ก็ดี บลาๆๆ... อภิสิทธิ์ไม่ได้เรื่อง ไอ้นู่นก็เลว ไอ้นี่ก็เลว บลาๆๆ...

ผู้โดยสาร: เอ่อ...

แท็กซี่: ทักษิณเป็นพระเจ้า ยิ่งลักษณ์เป็นนางฟ้า อภิสิทธิ์เป็นซาตาน บลาๆๆ...

ผู้โดยสาร: คือ...

แท็กซี่: ทักษิณอัจฉริยะ ยิ่งลักษณ์ฉลาดโคดๆ อภิสิทธิ์โง่เง่า บลาๆๆ...

ผู้โดยสาร: พี่ครับ!!!

แท็กซี่: ว่าไงน้อง

ผู้โดยสาร: ผมก็ชอบนโยบายเค้านะพี่ ผมว่ามันดีมากๆเลย

แท็กซี่: ใช่เลยน้อง

ผู้โดยสาร: เนี่ยโดยเฉพาะนโยบายลดภาษีรถคันแรก พี่คิดดู นิสสันมาร์ชตัวท็อบคันละสี่แสนนิดๆ ลดภาษีไปแสนนึงเหลือแค่สามแสน ยิ่งถ้าเป็นรุ่นล่างๆหน่อย เหลือแค่สองแสนกว่า แถมไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเงินผ่อน เพราะมีนโยบายเงินเดือนขั้นต่ำห

มื่นห้า ทีนี้ใครๆก็ซื้อรถได้แล้ว ใช่มั้ยพี่

แท็กซี่: อืม ใช่ๆ

ผู้โดยสาร: แถมยังมีนโยบายราคาน้ำมันไม่เกิน 35 บาท ทีนี้ละ จะได้มีรถขับกันเต็มบ้านเต็มเมือง แต่แบบนี้ผมก็ไม่ได้ขึ้นแท็กซี่

แล้วล่ะ และพี่ก็คงจะยิ่งขับยากขึ้นละ เพราะรถมันเต็มถนน รถติดไปทุกที่ แล้วรถพี่ใช้ lpg รึป่าว เนี่ยเค้าจะปล่อยลอยตัวแล้วจะ ราคาน่าจะพอๆกับเบนซินนี่แหละ พี่ก็ลำบากหน่อยนะ

แท็กซี่: เอ่อ...

ผู้โดยสาร: อ๋อออ แต่พี่ไม่ต้องห่วงนะ เค้าประกันราคาข้าวเกวียนละหมื่นห้าเหมือนกัน พี่จะกลับไปปลูกข้าวทำนาที่บ้านก็ได้ ราคาดีอยู่ แต่ก็ระวังหน่อยนะพี่ ถ้าน้ำท่วม เพลี้ยลง หรือโดนขโมยเกี่ยวข้าว ไม่มีข้าวไปจำนำ พี่ก็อดนะ เพราะเค้าไม่ให้พี่ประกันรายได้

แล้ว เพราะนโยบายมันกาก อภิสิทธิ์โง่ คิดได้ไงไม่รู้

แท็กซี่: คือ...

ผู้โดยสาร: หรือพี่จะมาหางานรับจ้างอย่างอื่นทำก็ได้นะ ค่าแรงขั้นต่ำ 300 แน่ะ เดือนนึงได้ตั้ง 9000 แต่พี่ก็ต้องขยันๆ หน่อยนะ เห็นได้ข่าวว่าตอนนี้พวกเขมร กำพูชา เข้าประเทศไทยเพราะอยากได้ค่าแรง 300 แล้วทักษิณก็บอกว่าให้เฉพาะในกรุงเทพนะพี่ พี่ก็ต้องมาแย่งชิงหางานกันในกร

ุงเทพนี่แหละ อยู่กันเยอะๆ อบอุ่นดีนะพี่ ว่ามั้ย

แท็กซี่:....

ผู้โดยสาร: นโยบายเพื่อไทยเทพมากๆอ่ะ คิดได้ไงไม่รู้ ผมล่ะรักทักษิณมากเลย ยิ่งลักษณ์ก็เหมือนกัน ทำไมถึงเพิ่งมาก็ไม่รู้ ถ้าตอนที่ทักษิณเป็นนายกแล้วยิ่

งลักษณ์มาช่วย บ้านเมืองเราจะเจริญขนาดไหน ป่านนี้ผมคงขับรถไปทำงานเอง ไม่ต้องมารบกวนพี่ให้ไปส่งหรอก

แท็กซี่:....

ผู้โดยสาร: อ่าวพี่ ทำไมเงียบอะ ...พระเจ้าไง ทักษิณน่ะ อัจฉริยะโคดๆ หล่อก็หล่อ รวยก็รวย...พี่... (อิอิ อุอุ อะอะ)