วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการกระทำความผิดบนสื่อออนไลน์

การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้ “โฆษณา”หมายความรวมถึงกระทำการไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ ให้ประชาชนเห็นหรือทราบข้อความเพื่อประโยชน์ในทางการค้า แต่ไม่หมายความรวมถึงเอกสารทางวิชาการหรือตำราที่เกี่ยวกับการเรียนการสอน
• พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2519
ส่วนที่ 3 สิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล
มาตรา 35 สิทธิของบุคคลในครอบครัว เกียรติยศ ชื่อเสียง ตลอดจนความเป็นอยู่ส่วนตัวย่อมได้รับความคุ้มครองการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความหรือภาพไม่ว่าด้วยวิธีใดไปยังสาธารณชน อันเป็นการละเมิดหรือกระทบถึงสิทธิของบุคคลในครอบครัว เกียรติยศ ชื่อเสียง หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวจะกระทำมิได้ เว้นแต่กรณีที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับความคุ้มครองจากการแสวงประโยชน์โดยมิชอบจากข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ

มาตรา 36 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการสื่อสารถึงกันโดยทางที่ชอบด้วยกฎหมาย การตรวจ การกัก หรือการเปิดเผยสิ่งสื่อสารที่บุคคลมีติดต่อถึงกัน รวมทั้ง การกระทำด้วย ประการอื่นใดเพื่อให้ล่วงรู้ถึงข้อความในสิ่งสื่อสารทั้งหลายที่บุคคลมีติดต่อถึงกัน จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

ส่วนที่ 7 เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลและสื่อมวลชน
มาตรา 45 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น
การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัวหรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันหรือระงับความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชน
การสั่งปิดกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นเพื่อลิดรอนเสรีภาพตามมาตรานี้ จะกระทำมิได้
การห้ามหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นเสนอข่าวสารหรือแสดงความคิดเห็นทั้งหมดหรือบางส่วน หรือการแทรกแซงด้วยวิธีการใด ๆ เพื่อลิดรอนเสรีภาพตามมาตรานี้ จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายซึ่งได้ตราขึ้นตามวรรคสอง
การให้นำข่าวหรือบทความไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจก่อนนำไปโฆษณาในหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่น จะกระทำมิได้ เว้นแต่จะกระทำในระหว่างเวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม แต่ทั้งนี้จะต้องกระทำโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายซึ่งได้ตราขึ้นตามวรรคสอง
เจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย
การให้เงินหรือทรัพย์สินอื่นเพื่ออุดหนุนกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นของเอกชนรัฐจะกระทำมิได้

มาตรา 46 พนักงานหรือลูกจ้างของเอกชนที่ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หรือสื่อมวลชนอื่น ย่อมมีเสรีภาพในการเสนอข่าวและแสดงความคิดเห็นภายใต้ข้อจำกัดตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่ตกอยู่ภายใต้อาณัติของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าของกิจการนั้น แต่ต้องไม่ขัดต่อจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพ และมีสิทธิจัดตั้งองค์กรเพื่อปกป้องสิทธิ เสรีภาพและความเป็นธรรม รวมทั้งมีกลไกควบคุมกันเองขององค์กรวิชาชีพ ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ในกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หรือสื่อมวลชนอื่น ย่อมมีเสรีภาพเช่นเดียวกับพนักงานหรือ ลูกจ้างของเอกชนตามวรรคหนึ่ง
การกระทำใด ๆ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เจ้าหน้าที่ ของรัฐ หรือเจ้าของกิจการ อันเป็นการขัดขวางหรือแทรกแซงการเสนอข่าวหรือแสดงความคิดเห็น ในประเด็นสาธารณะของบุคคลตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ให้ถือว่าเป็นการจงใจใช้อำนาจหน้าที่ โดยมิชอบและไม่มีผลใช้บังคับ เว้นแต่เป็นการกระทำเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายหรือจริยธรรม แห่งการประกอบวิชาชีพ


2. ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 287 ผู้ใด
(1) เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการจ่ายแจก หรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไป หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพ หรือสิ่งอื่นใดอันลามก
(2) ประกอบการค้า หรือมีส่วนหรือเข้าเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวกับวัตถุหรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้ว จ่ายแจกหรือแสดงอวดแก่ประชาชน หรือให้เช่าวัตถุหรือสิ่งของเช่นว่านั้น
(3) เพื่อจะช่วยการทำให้แพร่หลาย หรือการค้าวัตถุหรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้ว โฆษณาหรือไขข่าวโดยประการใด ๆ ว่ามีบุคคลกระทำการอันเป็นความผิดตามมาตรานี้ หรือโฆษณาหรือไขข่าวว่าวัตถุหรือสิ่งลามกดังกล่าวแล้วจะหาได้จากบุคคลใดหรือโดยวิธีใด

หมายเหตุ
1. คำว่า "การทำให้แพร่หลาย" หมายถึง การทำให้แพร่ออกไปสู่สาธาณะ ทำให้บุคคลอื่นสามารถเข้าถึงข้อมูล เป็นที่รู้รับทราบกันทั่วไปได้ ถึงแม้การแพร่หลายนั้นจะเป็นการเผยแพร่กันแค่ภายในกลุ่มปิด เช่น การนำภาพลามก ไว้ในเว็บไซต์ที่เปิดรับเฉพาะสมาชิกเท่านั้น ถือว่าเป็นการแพร่หลายเช่นกัน (เทียบเคียงจาก คำพิพากษาฎีกาที่ ๓๒๑๓/๒๕๒๖น. ๒๕๓๓ การมีวิดีโอเทปภาพลามกไว้ให้เช่นหรือแลกเปลี่ยนกับสมาชิกเป็นความผิด ฐานค้าวัตถุลามก ตามมาตรา ๒๘๗ ประมวลกฎหมายอาญา)
2. คำว่า "ลามก" ยังเป็นคำที่มีการถกเถียงกันอยู่ในวงกว้าง โดยยังไม่สามารถระบุได้ชัดเนื่องจากทัศนะและอัตตวิสัยของบุคคลนั้นแตกต่างกัน โดยมีหลายปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดทรรศนะของผู้มอง เช่น อายุ เพศ ประสบการณ์ หรือบรรทัดฐานของสังคม ตามจารีต ประเพณีในสังคมหนึ่ง ในช่วงเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตาม มีคำพิพากษาฎีกาได้วางบรรทัดฐานไว้ว่าสิ่งใดอาจถือได้ว่ามีลักษณะอันลามก ฎีกาที่ ๙๗๘/๒๔๙๒ ฎ.๖๗๕ สิ่งอันลามก คือ น่าอับอายในทางเพศต่อตา น่าอุจาดบัดสี ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เป็นศิลปะอันแสดงถึงความงามและฝีมือของศิลปิน ศิลปะหรือลามกพิจารณาตามความรู้สึกของวิญญูชนผู้มิใช่เคร่งต่อจารีตประเพณีโดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลงไปตามสมัยของโลก รูปหญิงเปลือยกาย เห็นเด่นชัดเฉพาะถัน ส่วนโยนีถูกระบายให้ลบเลือนเห็นเพียงฐาน แสดงสุขภาพ อนามัยของการอาบแดด สอนวิธีเขียนส่วนสัดความงามของร่างกาย ไม่น่าเกลียด

มาตรา 322 ผู้ใดเปิดผนึกหรือเอาจดหมาย โทรเลข หรือเอกสารใด ๆ ซึ่งปิดผนึกของผู้อื่นไป เพื่อล่วงรู้ข้อความก็ดี เพื่อนำข้อความในจดหมายโทรเลข หรือเอกสารเช่นว่านั้นออกเปิดเผยก็ดี ถ้าการกระทำนั้นน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 323 ผู้ใดล่วงรู้หรือได้มาซึ่งความลับของผู้อื่น โดยเหตุที่เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ โดยเหตุที่ประกอบอาชีพเป็นแพทย์ เภสัชกร คนจำหน่ายยา นางผดุงครรภ์ ผู้พยาบาล นักบวช หมอความ ทนายความ หรือผู้สอบบัญชีหรือโดยเหตุที่เป็นผู้ช่วยในการประกอบอาชีพนั้น แล้วเปิดเผยความลับนั้นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้รับการศึกษาอบรมในอาชีพดังกล่าวในวรรคแรก เปิดเผยความลับของผู้อื่น อันตนได้ล่วงรู้หรือได้มาในการศึกษาอบรมนั้น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน

มาตรา 324 ผู้ใดโดยเหตุที่ตนมีตำแหน่งหน้าที่ วิชาชีพ หรืออาชีพอันเป็นที่ไว้วางใจ ล่วงรู้หรือได้มาซึ่งความลับของผู้อื่นเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการค้นพบ หรือการนิมิตในวิทยาศาสตร์ เปิดเผยหรือใช้ความลับนั้น เพื่อประโยชน์ตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 325 ความผิดในหมวดนี้เป็นความผิดอันยอมความได้

3. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 423 ผู้ใดกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของบุคคลอื่นก็ดี หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้ หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่นก็ดีท่านว่าผู้นั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เขาเพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่การนั้น แม้ทั้งเมื่อตนมิได้รู้ว่าข้อความนั้นไม่จริง แต่หากควรจะรู้ได้
ผู้ใดส่งข่าวสารอันตนมิได้รู้ว่าเป็นความไม่จริง หากว่าตนเองหรือผู้รับข่าวสารนั้นมีทางได้เสียโดยชอบในการนั้นด้วยแล้ว ท่านว่าเพียงที่ส่งข่าวสารเช่นนั้นหาทำให้ผู้นั้นต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่


4 ความคิดเห็น:

  1. ผมจัดค่ายคุณธรรม เรียนรู้กายใจ มีผู้บริหารโรงเรียน ครู พระ ผู้ปกครอง นักเรียน และผู้สนใจเข้าอบรม เป็นรุ่น เป็นบุคคล ตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ ถึงปัจจุบัน เป็นจำนวนมาก ในการจัดกิจกรรมก็จะรวบรวมภาพกิจกรรม มาตัดต่อ เป็น VDO,ภาพ ลงใน Google, Facebook, YouTube, ส่งกลับไปให้ผู้เข้าอบรม เป็นสื่อผสมออนไลน์ เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ทบทวน และนำไปสื่อการสอนแนะนำ สอน เพื่อนๆ รุ่นน้องๆ ต่อไป แต่ปัญหามีอยู่ว่า ใน VDO บางคลิปได้นำ เสียงดนตรี เพลงที่ขึ้นอยู่ใน Google, Facebook, YouTube มาประกอบ เกิดความไม่แน่ใจทางกฎหมาย แต่ที่ปฏิบัติมาเพราะมีผู้รู้พูดว่า ถ้านำมาใช้เพื่อการศึกษา และไม่เป็นการค้าเพื่อหวังผลกำไร ไม่ผิด จึงขอความเมตตาช่วยชี้แนะด้วยครับ ว่าถ้าผิดกฎหมายที่ ขึ้น Google, Facebook, YouTube ไปแล้วจะทำอย่างไร และถ้าจะทำให้ถูกกฎหมายต่อไป ควรทำอย่างไร และขอความกรุณาดูงานที่ส่งขึ้น Google, Facebook, YouTube ไปแล้วด้วยการ พิมพ์ว่า "ลุงวุฒิ ค่ายเรียนรู้กายใจ" ใน Google, Facebook, YouTube ก็จะพบงานของผมครับ จึงขอกราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญ กับทุกๆท่านที่จะให้ความสว่างเรื่อง สื่อออนไลน์ เป็นวิทยาทานต่อไปครับ (ที่อยู่ผมครับ Meail "Wuth13@Gmail.com" Facebook "ชมรมเรียนรู้กายใจ" YouTube "ลุงวุฒิ ค่ายเรียนรู้กายใจ")

    ตอบลบ
  2. ผมจัดค่ายคุณธรรม เรียนรู้กายใจ มีผู้บริหารโรงเรียน ครู พระ ผู้ปกครอง นักเรียน และผู้สนใจเข้าอบรม เป็นรุ่น เป็นบุคคล ตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ ถึงปัจจุบัน เป็นจำนวนมาก ในการจัดกิจกรรมก็จะรวบรวมภาพกิจกรรม มาตัดต่อ เป็น VDO,ภาพ ลงใน Google, Facebook, YouTube, ส่งกลับไปให้ผู้เข้าอบรม เป็นสื่อผสมออนไลน์ เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ทบทวน และนำไปสื่อการสอนแนะนำ สอน เพื่อนๆ รุ่นน้องๆ ต่อไป แต่ปัญหามีอยู่ว่า ใน VDO บางคลิปได้นำ เสียงดนตรี เพลงที่ขึ้นอยู่ใน Google, Facebook, YouTube มาประกอบ เกิดความไม่แน่ใจทางกฎหมาย แต่ที่ปฏิบัติมาเพราะมีผู้รู้พูดว่า ถ้านำมาใช้เพื่อการศึกษา และไม่เป็นการค้าเพื่อหวังผลกำไร ไม่ผิด จึงขอความเมตตาช่วยชี้แนะด้วยครับ ว่าถ้าผิดกฎหมายที่ ขึ้น Google, Facebook, YouTube ไปแล้วจะทำอย่างไร และถ้าจะทำให้ถูกกฎหมายต่อไป ควรทำอย่างไร และขอความกรุณาดูงานที่ส่งขึ้น Google, Facebook, YouTube ไปแล้วด้วยการ พิมพ์ว่า "ลุงวุฒิ ค่ายเรียนรู้กายใจ" ใน Google, Facebook, YouTube ก็จะพบงานของผมครับ จึงขอกราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญ กับทุกๆท่านที่จะให้ความสว่างเรื่อง สื่อออนไลน์ เป็นวิทยาทานต่อไปครับ (ที่อยู่ผมครับ Meail "Wuth13@Gmail.com" Facebook "ชมรมเรียนรู้กายใจ" YouTube "ลุงวุฒิ ค่ายเรียนรู้กายใจ")

    ตอบลบ
  3. ผมจัดค่ายคุณธรรม เรียนรู้กายใจ มีผู้บริหารโรงเรียน ครู พระ ผู้ปกครอง นักเรียน และผู้สนใจเข้าอบรม เป็นรุ่น เป็นบุคคล ตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ ถึงปัจจุบัน เป็นจำนวนมาก ในการจัดกิจกรรมก็จะรวบรวมภาพกิจกรรม มาตัดต่อ เป็น VDO,ภาพ ลงใน Google, Facebook, YouTube, ส่งกลับไปให้ผู้เข้าอบรม เป็นสื่อผสมออนไลน์ เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ทบทวน และนำไปสื่อการสอนแนะนำ สอน เพื่อนๆ รุ่นน้องๆ ต่อไป แต่ปัญหามีอยู่ว่า ใน VDO บางคลิปได้นำ เสียงดนตรี เพลงที่ขึ้นอยู่ใน Google, Facebook, YouTube มาประกอบ เกิดความไม่แน่ใจทางกฎหมาย แต่ที่ปฏิบัติมาเพราะมีผู้รู้พูดว่า ถ้านำมาใช้เพื่อการศึกษา และไม่เป็นการค้าเพื่อหวังผลกำไร ไม่ผิด จึงขอความเมตตาช่วยชี้แนะด้วยครับ ว่าถ้าผิดกฎหมายที่ ขึ้น Google, Facebook, YouTube ไปแล้วจะทำอย่างไร และถ้าจะทำให้ถูกกฎหมายต่อไป ควรทำอย่างไร และขอความกรุณาดูงานที่ส่งขึ้น Google, Facebook, YouTube ไปแล้วด้วยการ พิมพ์ว่า "ลุงวุฒิ ค่ายเรียนรู้กายใจ" ใน Google, Facebook, YouTube ก็จะพบงานของผมครับ จึงขอกราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญ กับทุกๆท่านที่จะให้ความสว่างเรื่อง สื่อออนไลน์ เป็นวิทยาทานต่อไปครับ (ที่อยู่ผมครับ Meail "Wuth13@Gmail.com" Facebook "ชมรมเรียนรู้กายใจ" YouTube "ลุงวุฒิ ค่ายเรียนรู้กายใจ")

    ตอบลบ
  4. ผมจัดค่ายคุณธรรม เรียนรู้กายใจ มีผู้บริหารโรงเรียน ครู พระ ผู้ปกครอง นักเรียน และผู้สนใจเข้าอบรม เป็นรุ่น เป็นบุคคล ตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ ถึงปัจจุบัน เป็นจำนวนมาก ในการจัดกิจกรรมก็จะรวบรวมภาพกิจกรรม มาตัดต่อ เป็น VDO,ภาพ ลงใน Google, Facebook, YouTube, ส่งกลับไปให้ผู้เข้าอบรม เป็นสื่อผสมออนไลน์ เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ทบทวน และนำไปสื่อการสอนแนะนำ สอน เพื่อนๆ รุ่นน้องๆ ต่อไป แต่ปัญหามีอยู่ว่า ใน VDO บางคลิปได้นำ เสียงดนตรี เพลงที่ขึ้นอยู่ใน Google, Facebook, YouTube มาประกอบ เกิดความไม่แน่ใจทางกฎหมาย แต่ที่ปฏิบัติมาเพราะมีผู้รู้พูดว่า ถ้านำมาใช้เพื่อการศึกษา และไม่เป็นการค้าเพื่อหวังผลกำไร ไม่ผิด จึงขอความเมตตาช่วยชี้แนะด้วยครับ ว่าถ้าผิดกฎหมายที่ ขึ้น Google, Facebook, YouTube ไปแล้วจะทำอย่างไร และถ้าจะทำให้ถูกกฎหมายต่อไป ควรทำอย่างไร และขอความกรุณาดูงานที่ส่งขึ้น Google, Facebook, YouTube ไปแล้วด้วยการ พิมพ์ว่า "ลุงวุฒิ ค่ายเรียนรู้กายใจ" ใน Google, Facebook, YouTube ก็จะพบงานของผมครับ จึงขอกราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญ กับทุกๆท่านที่จะให้ความสว่างเรื่อง สื่อออนไลน์ เป็นวิทยาทานต่อไปครับ (ที่อยู่ผมครับ Meail "Wuth13@Gmail.com" Facebook "ชมรมเรียนรู้กายใจ" YouTube "ลุงวุฒิ ค่ายเรียนรู้กายใจ")

    ตอบลบ