วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เปรียบเทียบประวัติของ"วิเชียร"และ"เพรียวพันธ์" ให้ดูคุณสมบัติของ2คนนี้เป็นยังไง!!

เปรียบเทียบประวัติของ"วิเชียร"และ"เพรียวพันธ์" ให้ดูคุณสมบัติของ2คนนี้เป็นยังไง!!

ประวัติ"วิเชียร"
พลตำรวจเอก วิเชียร์ พจน์โพธิ์ศรี เกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2496 ที่อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น โดยเป็นบุตรของนายพจน์ และนางหนูเกตุ โพธิ์ศรี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน และระดับอุดมศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 28 ปริญญาโท จาก 3 สถาบัน คือ คณะพัฒนบริหารศาสตร์ จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า), คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และปริญญาโท ด้านกฎหมายเศรษฐกิจ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังจบหลักสูตร F.B.I. รุ่น 159, หลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 388 และหลักสูตรบริหารงานตำรวจ จากประเทศอังกฤษอีกด้วย และต่อมายังได้ก่อตั้งเครือข่ายของ F.B.I. ขึ้นมาเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นนายกสมาคมนักเรียนเก่า F.B.I.N.A. แห่งประเทศไทย โดยถือเป็นสมาคมนักเรียนเก่าของ F.B.I. สถาบันแรกในโลกที่ก่อตั้งขึ้นนอกพื้นที่สหรัฐอเมริกาอีกด้วย และได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขานิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแห

พล.ต.อ.วิเชียร ได้รับการติดยศ พลตำรวจเอก (พล.ต.อ.) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ในตำแหน่งหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ (นรป.) ซึ่งถือว่าครองยศ พล.ต.อ. ก่อนรอง ผบ.ตร. และผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าคนอื่น ๆ ในรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่อมา พล.ต.อ.วิเชียร ถูกโยกมาดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง และรับผิดชอบงานด้านรักษาความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้ง (ศรส.ลต.ตร.) ตลอดจนงานดูแลความสงบในการชุมนุมทางการเมือง ซึ่ง พล.ต.อ.วิเชียร มีผลงานในเรื่องการควบคุมสถานการณ์ในวันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ได้อย่างดีเยี่ยมจนได้รับการยกย่อง

ชื่อของ พล.ต.อ.วิเชียร เป็นที่สนใจของสาธารณชนเมื่อได้รับคำสั่งจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ 2 ครั้ง ซึ่งลาพักราชการตามคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552 จนถึงวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552 และอีกครั้งในวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552 จนถึงวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552 โดยก่อนหน้านั้น พล.ต.อ.วิเชียรดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 10) รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วิเชียรได้เข้าดำรงตำแหน่งรักษาการผู้บัญการการตำรวจแห่งชาติ เพื่อคลี่คลายวิกฤติการณ์ทางการเมืองที่รุมเร้าเนื่องจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ถูกสังคมบางส่วนเพ่งเล็งว่าเป็น "ตอ" ทำให้คดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์และสื่อในเครือผู้จัดการ ไม่มีความคืบหน้า ด้วย พล.ต.อ.วิเชียร มีภาพลักษณ์ของนายตำรวจที่เป็นกลาง ไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ชีวิตส่วนตัว พล.ต.อ.วิเชียร มีนามสกุลเดิมว่า "โพธิ์ศรี" แต่ได้นำชื่อของบิดามาเพิ่มต่อหน้านามสกุล มีชื่อเล่นว่า "น้อย" ขณะที่เพื่อน ๆ จะเรียกกันว่า "น้าน้อย" สมรสกับนางกิ่งดาว พจน์โพธิ์ศรี

พลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ถือว่าเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนแรกที่ได้รับมอบหมายตามพระราชบัญญํติความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ให้เป็น ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นศูนย์ที่จักตั้งเพื่อควบคุมการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมต่าง ๆ ที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ก่อนหน้านี้ หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการควบคุมการชุมนุมจะได้แก่ ผู้บัญชาการทหารบก หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้นหรือ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง โดยหลังจากรับตำแหน่งนี้พลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ได้แต่งตั้ง พลตำตรวจตรี ประวุฒิ ถาวรศิริ เป็น(โฆษก ศอ.รส.)พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย และ พล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์เป็น(รองโฆษก ศอ.รส.)และได้ออกใช้อำนาจตาม มาตรา 18 พรบ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ออกหมายเรียกกลุ่มพันธมิตรประชาชนประชาธิปไตยมารับทราบข้อกล่าวหา เนื่องจากฝ่าฝืนข้อกำหนด


ประวัติ"เพรียวพันธ์"
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่น 12 และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกา มีเพื่อนร่วมรุ่น นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ รุ่น 12 ที่มีชื่อเสียง คือ นายแก้วสรร อติโพธิ อดีต ส.ว.กรุงเทพมหานคร

ชีวิตส่วนตัว พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เคยสมรสกับ น.ส.ปาริชาติ ดิษยะศริน ก่อนจะหย่าร้างกันเมื่อหลายปีก่อน ปัจจุบัน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ยังครองตัวเป็นโสด

พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เข้าสู่วงการตำรวจ โดยไม่ได้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่ผ่านการอบรมหลักสูตร นายร้อยตำรวจอบรม รุ่นที่ 16 (นรอ.16) เริ่มรับราชการเมื่อปี พ.ศ. 2514 ตำแหน่งสำรองพิเศษ สังกัด กก.2ส. ต่อมาได้เป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร ในปี พ.ศ. 2517 ในตำแหน่งรองสารวัตรแผนก 1 กก.สส.นครบาลเหนือ และได้ดำรงตำแหน่งวนเวียนอยู่เฉพาะในเขตนครบาลเกือบ 10 ปี โดยเป็นสารวัตรสอบสวน สน.จักรวรรดิ สน.ปทุมวัน และสน.ทุ่งมหาเมฆ จนถึงปี พ.ศ. 2523 ได้เป็น สารวัตรปราบปราม สน.นางเลิ้ง ต่อมาในปี พ.ศ. 2526 จึงได้ออกต่างจังหวัดระยะสั้น ๆ โดยดำรงตำแหน่งสารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง จ.ภูเก็ต ไม่ถึง 1 ปีก็กลับเข้านครบาลอีกครั้ง โดยได้ดำรงตำแหน่ง รอง ผกก. 2 ป. ตามด้วย ผกก.(กอ.รมน.)กำลังพล และ ผู้กำกับการตำรวจท่องเที่ยว ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการกองปราบปราม และรองผู้บัญชาการกองปราบปราม ก่อนจะดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และได้เป็น ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) เมื่อปี พ.ศ. 2543

พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ มีผลงานโดดเด่นด้านการปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายทำสงครามกับยาเสพติดในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเติบโตก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ราชการอย่างมาก โดยได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทั้งที่เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีอาวุโสเป็นอันดับ 5 ก้าวข้ามอาวุโสผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนอื่น ๆ ที่มีอาวุโสสูงกว่าในขณะนั้น 4 คน คือ พล.ต.ท.บุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ, พล.ต.ท.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส, พล.ต.ท.สุเทพ ธรรมรักษ์ และ พล.ต.ท.ณพัฒน์ ศรีหิรัญ และต่อมาได้ครองยศ พล.ต.อ. ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ซึ่งทำให้ได้รับการวิจารณ์ว่าเป็นเพราะความเป็นเครือญาติกับ พ.ต.ท.ทักษิณ นายกรัฐมนตรี

ต่อมาหลังการ รัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ถูกโยกย้ายไปเป็น ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ ด้านความมั่นคง ในสังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ต่อมาหลังจากพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม พ.ศ. 2551 พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ได้กลับมาดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2551 จนถึงปัจจุบัน

แม้จะเพิ่งกลับมาดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2551 แต่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ถือเป็น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีอาวุโสสูงสุดในปัจจุบัน เนื่องจากมีคำสั่งศาลปกครองให้นับอาวุโสของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ต่อเนื่องตั้งแต่ได้ดำรงตำแหน่งครั้งแรก ทำให้เป็นผู้หนึ่งที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต่อจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่จะเกษียณอายุราชการในปี พ.ศ. 2552

ซึ่งเมื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา สบ.10 ดำรงตำแหน่งรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อขอความเป็นธรรม โดยยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เนื่องจากอ้างว่าตนเป็นรอง ผบ.ตร.ที่อาวุโสสูงสุด จึงควรจะได้รับตำแหน่งนี้มากกว่า

....................
ใครกันแน่ที่คู่ควรกับตำแหน่ง ผบ.ตร. มากที่สุด!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น