วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สถิติใหม่ !!! 10 ที่ซู้ด - ที่สุด ..... เดอะ - ยิ่งลักษณ์

สถิติใหม่ !!! 10 ที่ซู้ด - ที่สุด ..... เดอะ - ยิ่งลักษณ์

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นับเป็น นายกรัฐมนตรี ที่สร้างปรากฏการณ์ที่สำคัญ ให้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ มากที่สุดคนหนึ่ง ของประเทศไทย
หลายเรื่องเป็นสถิติ "ที่สุด" ในเวลานี้เสียด้วย เท่าที่ลองสำรวจตรวจตรา พบว่า สถิติที่น่าสนใจ มีดังต่อไปนี้

1. เส้นทางการเมืองสั้นที่สุด

ยิ่งลักษณ์ ไม่เคยมีชื่อ ในตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ มาก่อน
ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งในท้องถิ่นอย่าง อบต. อบจ. หรือตำแหน่งระดับชาติอย่าง ส.ส., ส.ว. ผู้ช่วยรัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรี ที่ปรึกษารัฐมนตรี ฯลฯ
จู่ ๆ ทักษิณ ชินวัตร ก็ประกาศโครมว่า คนที่จะมาเป็น ว่าที่นายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย จะไม่ใช่หัวหน้าพรรค แต่จะเป็นผู้สมัคร ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1
ซึ่งต่อมา คนไทยทั่วประเทศ ก็ได้รู้อย่างเป็นทางการพร้อม ๆ กันว่า คือ ยิ่งลักษณ์ น้องสาว ทักษิณ นั่นเอง

2.ได้ฉายาเร็วที่สุด

ทันทีที่ชัดเจนว่า ยิ่งลักษณ์ คือ ว่าที่นายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
เธอก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทันทีว่าเป็นแค่ "หุ่นเชิด" ของพี่ชาย
โดยเรียกกันสั้น ๆ ว่า "หุ่นปู"
แต่ทักษิณ รีบออกมาช่วยแก้เกี้ยวว่า ไม่ใช่หุ่น แต่เป็น "โคลนนิ่ง"
"ผมบอกเลยว่า ไม่ใช่-นอมินี แต่เรียกได้เลยว่าเป็น โคลนนิ่ง-ของทักษิณเลย
ผมโคลนนิ่งการบริหารให้ ตั้งแต่เรียนจบใหม่ ๆ สไตล์การทำงานเหมือนผม รับการบริหารจากผมได้ดีที่สุด
อีกข้อสำคัญหนึ่ง ก็คือการที่ ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นน้องสาวผมมานั่งเก้าสำคัญในพรรค สถานะนั้นสามารถตัดสินใจแทนผมได้เลย เยส ออ โน นี่พูดแทนผมได้เลย"
ยิ่งลักษณ์ ก็เติมความดูดีให้ตัวเองยิ่งขึ้น ด้วยถ้อยคำสั้นๆ ว่า
"โคลนนิ่ง คือ การเข้าใจและรับหลักคิดการบริหารธุรกิจจาก ทักษิณ แต่การตัดสินใจนั้น จะตัดสินใจเอง"
ทว่า จนถึงบัดนี้ ใครได้เห็น "การตัดสินใจเอง" ของเธอบ้าง

3.หาเสียงง่ายที่สุด

ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้สมัครรับการเลือกตั้งที่ เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี แต่ไม่ต้องขึ้นเวทีประชันวิสัยทัศน์กับใคร
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ขุนพลคู่ใจ ที่ปราศรัยหาเสียงแทนเป็นชั่วโมง ๆ ในทุกเวที กล่าวกับสื่อมวลชนว่า
"เราไม่ต้องดีเบต เพราะเราดีแล้ว"
แหม..เก๋ไก๋ซะไม่มี !
แม้ในเวทีประชันวิสัยทัศน์เล็ก ๆ ของมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย ก็ได้ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ไปกล่าวแทน

ส่วนการตอบคำถามสื่อมวลชนในช่วงหาเสียง หรือ การจะได้เป็นข่าวหน้า 1 ในช่วงหาเสียง ก็มีผู้ประสานอำนวยความสะดวกให้อย่างชัดเจน
ดังปรากฏในจดหมายอิเลคทรอนิกส์ หรืออีเมล์ ที่อ้างว่าเป็นของรองโฆษกพรรคเพื่อไทย คือ วิม รุ่งวัฒนะจินดา
ที่ระบุกลยุทธ์ในการช่วยยิ่งลักษณ์หาเสียงว่า
"สำหรับหน้าที่ ที่ผม และ น้องสุธิศา รับผิดชอบช่วยคุณปูอยู่ในขณะนี้

1.แจ้งประเด็นให้คุณปู ทราบทุกวันว่า วันนี้มีประเด็นอะไร
ประเด็นไหนที่แรง ให้โยนไปให้ทีม คุณนิวัติธำรงค์ ช่วยแนะนำ
2.เช็กประเด็นจากสื่อมวลชน ว่าจะถามอะไรคุณปู เพื่อให้คุณปูเตรียมตัวให้พร้อมที่จะพูด
3.สร้างประเด็น หรือภาพกิจกรรม ในพื่นที่หาเสียง เพื่อให้ได้ภาพหน้า 1 ทุกวัน
4.ประสานหัวหน้าข่าว และโต๊ะข่าวการเมือง ว่าต้องการภาพแบบไหน เพื่อส่งให้ทุกวัน
5.ประสานสำนักข่าวต่างประเทศเพื่อให้ตามคุณปู ลงพื้นที่เพื่อให้ข่าวคุณปูออกไปทั่วโลก
6.ประสานสำนักข่าวในประเทศ เพื่อให้พรรค (คุณนิวัตธำรงค์) จัดบุคคลไปตอบคำถามในทีวี"

ซึ่งต่อมา สภาการหนังสือพิมพ์ ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นตรวจสอบอีเมล์นี้
สรุปผลว่า น่าเชื่อว่าวิมเป็นผู้เขียนอีเมล์เอง และมีการบริหารจัดการสื่อ อย่างเป็นระบบ

4.เป็นนายกฯ เร็วที่สุด

นับตั้งแต่เปิดตัว เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย
ยิ่งลักษณ์ ก็ก้าวพรวด ๆ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยได้
ตามสถิติที่ หนังสือพิมพ์ข่าวสด ออกหนังสือเล่ม-มาสรรเสริญเยินยอเธอ ก็นับเป็นเวลา-แค่ 49 วัน เท่านั้น
ยังไม่เคยมี อดีตนายกรัฐมนตรีคนไหน เคยทำได้มาก่อน
นั่นรวมไปถึง การได้เป็นนายก ฯ โดยไม่ต้องเป็น หัวหน้าพรรค มาก่อนด้วย

5.เป็นนายกฯ ที่สวยที่สุด

ก็แน่ละ เพราะ เธอเป็นสตรี คนแรกและคนเดียว ในขณะนี้ ที่ได้เป็น นายกรัฐมนตรี (อิอิ)

6.เป็นนายกฯ ทีมีพี่เลี้ยงมากที่สุด

ยิ่งลักษณ์ คือ "ทารกทางการเมือง" แต่กลับไม่เคยถูกด่าว่า "เป็นเด็ก"
จนบัดนี้ ยังไม่มีสื่อสอพลอใด ที่เคยติงเรื่องความเป็นเด็กของ อภิสิทธิ์ ลุกขึ้นมาติงเรื่องภาวะทารกของ ยิ่งลักษณ์
เมื่อครั้งที่ อภิสิทธิ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมี กรณ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ทักษิณ พูดตอนหนึ่งในการ "โฟนอิน" ไปยังงานสัมมนาของพรรคเพื่อไทย ที่เขาใหญ่ ว่า
"...ทั่วโลกมีปัญหา ความสามารถในการแก้ปัญหา โดยเด็กสองคนก็ลำบาก เด็กสองคนช่วยกันแก้ก็คงยาก มันไม่ง่ายอย่างที่คิด..."
ครั้นกลับลำมาเชิด น้องสาวของตัวเอง ซึ่งอายุน้อยกว่า อภิสิทธิ์ และ กรณ์ กลับไม่พูดเรื่อง "ความเป็นเด็ก" เลยสักนิด
นั่นรวมไปถึง แม่ยก กองเชียร์ และ สื่อกางเกงในแดง ทั้งหลาย
ที่เคยช่วยโหมประโคมประเด็น "ความเป็นเด็ก" และ "ความไม่มีประสบการณ์ในการบริหารบริษัทใหญ่ ๆ มาก่อน" ให้เป็นเรื่อง
ก็หุบปากนิ่งสนิท

โดย เฉพาะเมื่อ อภิสิทธิ์ แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ถึงสถานะของประเทศว่า
มีเงินคงคลังเพิ่มจาก 50,000 ล้านบาท เมื่อตอนเข้ารับตำแหน่ง เป็น 300,000 ล้านบาท มีอัตราการว่างงานต่ำเป็นประวัติการณ์
ซึ่งก่อนหน้านั้น คาดการณ์กันไว้ว่าจะเป็นปัญหาสำคัญที่สุด "...ฐานะของประเทศไทยในขณะนี้ มีเงินสำรองระหว่างประเทศสูงถึง 180,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก และเพิ่มขึ้นถึง 70,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
จากการที่รัฐบาลชุดปัจจุบันได้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน โดยติดอันดับประเทศที่มีเงินสำรองสูงเป็นอันดับที่ 13 ของโลก ซึ่งหมายความว่าฐานะของประเทศไทยอยู่ในฐานะที่มีความเข้มแข็งอย่างยิ่ง
หนี้สาธารณะของประเทศเมื่อคิดเป็นสัดส่วนกับรายได้ประชาชาติก็ลดลงอย่างต่อ เนื่อง อยู่ที่ประมาณร้อยละ 40 หรือต่ำกว่า ซึ่งถือว่าเป็นอัตราส่วนที่ต่ำมากเมื่อเทียบเคียงกับประเทศต่างๆ ในโลก"

ความไม่ประสีประสา ในเรื่องไหนเลย ของ ยิ่งลักษณ์
จึงต้องถูกประกบโดย ทักษิณ ผู้พี่
นิวัติธำรง บุญทรงไพศาล ข้าเก่าเต่าเลี้ยงของ ทักษิณ
ที่คอยดูแล ภาพลักษณ์ การตอบคำถาม และประเด็นที่ควรพูด เมื่อปรากฏตัวต่อสาธารณะ
ยังไม่รวม "วอร์รูมลับ" ที่คอยโทรศัพท์กำกับบทให้เธอ ตลอดเวลาของการแถลงนโยบายที่ผ่านมาก
ที่หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ รายงานว่า นำโดย
นายจาตุรนต์ ฉายแสง, นายภูมิธรรม เวชชยชัย และ นายวราเทพ รัตนากร

7.กินอาหารพร้อมคณะทำงานแพงที่สุด

มีข้อมูลเปิดเผยกันว่อน ในอินเตอร์เนตว่า
ยิ่งลักษณ์ มีค่าใช้จ่าย เรื่องอาหารการกิน พร้อมด้วยทีมงาน รวมกันเป็นเงิน 211,850 บาทต่อวัน
โดยมี ต้มยำกุ้งมังกร เป็นอาหารเช้า และ อาหารจีน อาหารยุโรป อาหารไทย สลับสับเปลี่ยนกันไป
ว่ากันว่า อาหารพวกนี้ สมัยที่ อภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
เมนูเหล่านี้จะจัดไว้เฉพาะผู้นำ หรือแขกสำคัญ ๆ ของผู้นำเท่านั้น
ไม่ได้แจกจ่ายให้ "ที่ปรึกษาหรือคณะทำงาน" เพราะ ราคาต่อหัวเฉียดตกราว ๆ 4,237 บาท
อภิสิทธิ์ เองก็กินเมนูพวกนี้บ้าง แต่คณะที่ปรึกษาและคณะทำงาน ไม่ได้กินด้วย
ส่วนใหญ่ อภิสิทธิ์ จะลงมากินข้าวข้างล่าง ที่โรงอาหารด้านหลัง เมนูประจำคือ ข้าวไข่เจียวป้าน้อย
เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไร ยังไม่ได้ยินจากปากของ ยิ่งลักษณ์ เลย

8.อ่านบทแถลงนโยบายนานที่สุด

อันที่จริงแล้ว นายกฯ รัฐมนตรีคนอื่น ๆ เขาอาจจะแถลงนโยบายยาวและนานกว่า ยิ่งลักษณ์ ก็ได้
แต่ท่านเหล่านั้น ใช้วิธี "พูดแถลง" ไม่ใช่ "อ่านแถลง" ตามบทที่แจกจ่ายให้สมาชิกทุกคนได้ดูล่วงหน้ามาแล้ว
ฉะนั้น เธอจึงได้ตำแหน่ง "อ่านแถลงนโยบาย" นานที่สุด คือ อ่าน 44 หน้า ในเวลา 2 ชั่วโมง 20 นาที
ซึ่งคงไม่ต้องพูดถึง คุณภาพของการอ่าน นะครับว่า ดีหรือเลว เพียงใด

9.กลับคำเร็วที่สุด

ยิ่งลักษณ์ ประกาศนโยบาย "ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ" วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน
แถลงนโยบาย 23 สิงหาคม ปีเดียวกัน ห่างกันเพียงเดือนเศษ ๆ

นโยบายที่ประกาศต่อชาวบ้านเอาไว้ว่า "จะทำ" ก็ถูกดัดแปลง เปลี่ยนไป-หลายข้อ ที่สำคัญที่สุด คือ
"ค่าแรงขั้นต่ำ" ทำทันที-ทั่วประเทศ 300 บาท ก็เปลี่ยนเป็นคำว่า "รายได้" และ ไม่อาจ-ทำได้ทันที ด้วย
"เงินเดือนเริ่มต้น" ของผู้จบปริญญาตรี 15,000 บาท ก็เปลี่ยนเป็นคำว่า "รายได้" เช่นเดียวกัน

ทั้งๆ ที่ให้ผลทางกฎหมายแรงงานและสวัสดิการ ต่างกันสิ้นเชิง

10.มีผู้ต้องหาและต้องคดีอยู่รอบตัวมากที่สุด

ขณะนี้ในประเทศไทย ยกเว้น ผู้คุม และ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์แล้ว
คงไม่มีใคร มีคนรอบตัว เป็นผู้ต้องหา ผู้ต้องคดี หรือ ผู้ถูกออกหมายจับจากทางการ มากกว่า ยิ่งลักษณ์ อีกแล้ว
เริ่มจากตัวเธอเอง ถูกกล่าวโทษเรื่อง การให้ข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงาน เบิกความเท็จต่อศาล และ ปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นต่อตลาดหลักทรัพย์
มีรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล คือ
เผดิมชัย สะสมทรัพย์ เป็นบุคคลล้มละลาย
มีข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ อาทิ
ไพจิตร อักษรณรงค์, ธนกฤต ชะเอมน้อย (วันชนะ เกิดดี) และรังษี เสรีชัย ซึ่งต่างถูกออกหมายจับตาม พรก. ฉุกเฉินฯ
พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 กรณีการบุกอาคารรัฐสภา และ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในการชุมนุม พ.ศ.2553
มิต้องพูดถึง แกนนำเสื้อแดงอย่าง
จตุพร พรหมพันธุ์, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, น.พ.เหวง โตจิราการ, ชินวัฒน์ หาบุญพาด, อารีย์ ไกรนรา ฯลฯ

ก็หวังว่า ยิ่งลักษณ์ จะไม่สร้างสถิติ

"อยู่ในเก้าอี้-นายกรัฐมนตรี-สั้นที่สุด"

เป็นข้อที่ 11 อีกล่ะนะ !!!


by เชษฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น