วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วิเชียร” เปิดใจตาแดงก่ำ ยอมลุกจากตำแหน่งผบ.ตร

‎"วิเชียร” เปิดใจตาแดงก่ำ ยอมลุกจากตำแหน่งผบ.ตร

ยืนยันไม่ได้ทำอะไรผิด เชื่อมีขบวนการเลื่อยเก้าอี้ วางแผนทำลายองค์กร บีบให้ออกจากตำแหน่ง วอนให้หยุดการกระทำ เผยยอมเพื่อส่วนรวม ศักดิ์ศรี ชี้ตำแหน่งใหม่ต้องทัดเทียมสมเหตุผล โดยฝากผู้มีอำนาจต้องใช้อำนาจอย่างเป็นธรรม ชณะที่มีข่าวสะพัด "เพรียวพันธ์" จ่อนั่งเก้าอี้แทน


“ผมคิดว่าท่านที่เป็นรอง ผบ.ตร.อยู่ก็เหมาะสมที่จะมาเป็น เมื่อคิดว่าผมไม่เหมาะสม และมีหน้าที่อื่นเหมาะสมก็ไปได้ แต่ว่าควรมีเหตุมีผล แต่การใช้วิธีทำลายองค์กรให้เสียหายอย่างนี้ เรียนว่าขอให้หยุดการกระทำ” ผบ.ตร. กล่าว

ช่วงเช้าวันนี้ (31 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธาน เปิดการประชุมเป้าหมายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญและนักค้ายาเสพติดข้ามชาติ ระหว่างกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดและหน่วยปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย โดยมีตำรวจ บช.ปส. และเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯเข้าฟัง 95 คน ซึ่งตามกำหนดการ งานนี้จะต้องมี พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร.ด้านกิจการพิเศษ ซึ่งรับผิดชอบกำกับดูแล บช.ปส. และเป็นคนที่กำลังถูกจับตาว่าจะขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนต่อไป แต่ก็ไม่ได้มาร่วมงานแต่อย่างใด

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า หลังจากมีความพยายามต่อรองอยู่นาน ท้ายที่สุดเมื่อคืนที่ผ่านมา พล.ต.อ.วิเชียร ก็ตัดสินใจรับข้อเสนอ ยอมออกจากตำแหน่งผบ.ตร.โดยอาจไปรับตำแหน่งใหม่เป็นปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แทนนายสมบัติ คุรพันธ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่จะเกษียณอายุราชการในปลายเดือนก.ย.นี้

ทั้งนี้ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวเปิดใจ กรณีนี้ด้วยสีหน้าเครียด และตาแดงก่ำ ว่า อย่างที่เรียนไปแล้ว การเข้ารับตำแหน่ง ผบ.ตร.นั้น เป็นการเสียสละ ไม่ใช่การเสวยสุข ต้องทำหน้าที่ตรากตรำ เหน็ดเหนื่อย สละเวลา เสี่ยงภัย เพราะต้องคอยจัดการปกป้องคนดี ขณะเดียวกันก็กำจัดคนชั่ว อาจต้องมีการกระทบกระทั่ง มีการฟ้องร้องต่างๆ เรียกว่าการเสียสละ เพื่อมารับหน้าที่ เพราะฉะนั้นเมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาเห็นว่าไม่เหมาะสม อยากเปลี่ยนแปลง ก็ยินดีที่จะไป แต่ต้องไปอย่างถูกต้องสมเหตุสมผล เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีพอสมควร เพราะว่าเราไม่ได้กระทำผิด เราเสียสละมาทำหน้าที่ด้วยซ้ำไป

“เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีอำนาจ ก็ต้องใช้อำนาจด้วยความเป็นธรรม ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขต่อส่วนรวม การกระทำที่ผ่านมา ใครที่ผิด ผมก็ว่าไปตามผิด สอบสวนไป ไม่ใช่ไปเหมารวม ผมคิดว่ามันเป็นการทำลายองค์กร โดยเฉพาะองค์กรที่เป็นสถาบันหลัก ต้นธารผดุงความยุติธรรม ที่ช่วยกันสร้างสมกันมาเป็น 100 ปี ต้องช่วยกันถนอมรักษากันไว้ เพื่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชน หากไปทำลายแล้ว จะทำให้ความเชื่อถือศรัทธาไม่มี เกิดความสับสนวุ่นวาย ไม่เป็นที่ยอมรับ นำมาสู่ความไม่สงบ ก็อยากฝากถึงผู้มีอำนาจ ให้คำนึงถึงเรื่องการใช้คุณธรรม หากท่านใช้อำนาจอย่างมีคุณธรรมก็จะอยู่ในหน้าที่อย่างยั่งยืน แต่ว่าถ้าท่านไม่มีคุณธรรม ก็ได้เท่านั้นแหละ ฉะนั้น หากท่านเห็นว่าผมไม่เหมาะสม ผมก็ยินดีไปในตำแหน่งที่เหมาะสม”ผบ.ตร.กล่าว

เมื่อถามว่า ยินดีรับตำแหน่งปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ต้องดูความเหมาะสมเสียก่อน ยังตอบไม่ได้ตอนนี้ ยังไม่ทราบ ขอพิจารณาก่อน ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นไปฟ้องร้องต่อศาลปกครองขอความเป็นธรรม ขอพูดแค่หลักการแค่นี้ก่อน

เมื่อถามว่า คิดว่าการใช้อำนาจโยกย้ายตนเองครั้งนี้ เป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่าการสร้างเรื่อง สร้างราว เหมารวมทำให้ตำรวจที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ทำหน้าที่อย่างเสี่ยงภัย ตรากตรำ มาเหมารวมแบบนี้มันเสียหาย

เมื่อถามว่า คิดว่ามีการสร้างเรื่องมาเพื่อเลื่อยขาเก้าอี้ ผบ.ตร.กล่าวว่า ข่าวที่ออกมามันเป็นลักษณะอย่างนั้น ตำรวจมีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย เป็นต้นธารกระบวนการยุติธรรม ต้องสร้างความเชื่อถือศรัทธา

“ต้องเรียกว่าในช่วง ปี 2 ปีที่ผ่านมา ผมคิดว่าได้ทำหน้าที่กอบกู้ความเชื่อถือศรัทธาของพี่น้องประชาชน ได้รับระดับหนึ่ง เรื่องตำแหน่งใหม่ อย่าเพิ่งพูดถึงเลย ต้องรอดูว่าท่านจะให้ไปดำรงตำแหน่งใด ซึ่งหากเสนอมาแล้วเหมาะสมก็จะสมัครใจไป”ผบ.ตร. กล่าว

เมื่อถามว่า จุดที่ทำให้ตัดสินใจยอมลุกจากเก้าอี้ ผบ.ตร.คืออะไร พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า เพื่อประเทศชาติ ประชาชน และพระมหากษัตริย์ อย่างที่บอกไปแล้ว ตนเชื่อว่าทำหน้าด้วยดีมาตลอด

ถามว่า เชื่อว่ามีขบวนการ วางงาน เพื่อเลื่อยขาเก้าอี้ของตนเอง หรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็แล้วแต่

“ผมคิดว่าท่านที่เป็นรอง ผบ.ตร.อยู่ก็เหมาะสมที่จะมาเป็น เมื่อคิดว่าผมไม่เหมาะสม และมีหน้าที่อื่นเหมาะสมก็ไปได้ แต่ว่าควรมีเหตุมีผล แต่การใช้วิธีทำลายองค์กรให้เสียหาย อย่างนี้ เรียนว่าขอให้หยุดการกระทำ”

เมื่อถามว่า ท่านรู้สึกว่ามีความพยายาม ทำให้องค์กรบอบช้ำ เพื่อบีบให้ออกจากตำแหน่ง ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ถูกต้อง

“ตอนนี้รู้สึกอย่างไรก็อย่างที่พูดไป การตัดสินใจอย่างไรออกไปก็เพื่อประโยชน์ส่วนรวม บนพื้นฐานของศักดิ์ศรี ที่ออกมาพูดเพื่อให้ตำรวจทั่วประเทศทำงานไปอย่างปกติ ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ใครจะมาเป็นผู้บังคับบัญชาให้อยู่บนพื้นฐานคุณธรรม” ผบ.ตร.กล่าว

ขณะที่ความคืบหน้าในการสืบสวนข้อเท็จจริงเรื่องบ่อนการพนัน ย่านรัชดา พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ก็มีการสอบสวนไป หากพบว่าบกพร่องก็ต้องทำไปตามระเบียบ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ เสนอมาอย่างไรก็ต้องว่าไปอย่างนั้น การสืบสวนสอบสวนของจเรฯก็ยังไม่เสร็จสิ้นเสียทีเดียว จะมีการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไปอีก ว่าเมื่อมีการปล่อยปละละเลยแล้ว ยังเป็นประเภทที่ไปรับสินบนหรือเรียกรับผลประโยชน์นั้นมีหรือไม่ ถ้ามี ก็ต้องว่าไปตามบทลงโทษ

เมื่อถามว่า คิดว่าเรื่องนี้จะเงียบไปเมื่อมีการเปลี่ยน ผบ.ตร. เป็นการจบง่ายๆหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า มีระเบียบกฎเกณฑ์ก็ต้องว่าไปตามกฎหมายก็ต้อง การลงโทษนั้นให้ทางกองวินัยพิจารณาร่วมด้วยว่า มีเกณฑ์มีมาตรฐานอย่างไร เข้าข่ายหรือไม่ ในเบื้องต้นก็เห็นคล้อยตามที่จเรตำรวจแห่งชาติตำรวจเสนอ คืออยู่ในขั้นปล่อยปะละเลย เราก็จำเป็นต้องลงโทษเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ก็ต้องดูในรายละเอียดต่อในชั้นนี้ก็ยังไม่ถึงขั้นขั้นร้ายแรง พยานหลักฐานยังไม่ถึงชัดเจนว่า เรียกรับผลประโยชน์ ถ้าเรียกรับผลประโยชน์ก็เป็นไปอีกขั้นหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น