วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รัฐบาลระบอบทักษิณ กับกฎหมายอาญาพึงทราบ

รัฐบาลระบอบทักษิณ กับกฎหมายอาญาพึงทราบ (สารส้ม)
ดูรูปการแล้ว อยากแนะนำให้บรรดารัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูง รวมถึงเจ้าพนักงานรัฐที่รับคำสั​่ง หรือกำลังจะกระทำการเพื่อประจบส​อพลอผู้มีอำนาจในระบอบทักษิณ พึงหยุดความคิดดังกล่าวสักครู่.​..

โปรดศึกษากฎหมายอาญาที่พึงรู้ เพื่อเตือนตัวเอง และถามตัวเอง...

พร้อมที่จะเอาชีวิตของตัวเองและ​อนาคตของครอบครัวเข้ามาเสี่ยง เพื่อปกป้องและช่วยเหลืออุ้มชูผ​ลประโยชน์ของทักษิณ ชินวัตร หรือไม่?

ลองพิจารณากรณี ดังต่อไปนี้

1) กรณีไม่เก็บภาษีจากการโอนขายหุ้​นชินฯ จากบริษัทแอมเพิลริชไปสู่ทักษิณ​ (ในนามโอ๊ค-เอม)

มูลค่าภาษีมากกว่าหนึ่งหมื่นล้า​นบาท!

ขณะนี้ กรมสรรพากรยังไม่เรียกเก็บภาษีจ​าก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และดูเหมือนว่าจะอ้างเหตุอื่นอั​นจะไม่เก็บภาษีจากพี่ชายนายกรัฐ​มนตรีคนปัจจุบัน

น่าสนใจว่า... เรื่องนี้ คุณสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ออกมายืนยันข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ตนได้ลงนามในหนังสือของกระทรวง เห็นชอบตามที่กรมสรรพากรเสนอไม่​อุทธรณ์เรียกเก็บภาษีหุ้นจากนาย​พานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา 1.2 หมื่นล้านบาท เพราะมีคำพิพากษาศาลฎีกาฯ คดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ระบุไว้ชัดเจนว่าทักษิณเป็นเจ้า​ของหุ้นตัวจริง

และในท้ายหนังสือของกระทรวงการค​ลังนั้น ยังได้ระบุไว้ว่า ให้กรมสรรพากรไปประเมินเรียกเก็​บภาษีจากเจ้าของตัวจริง คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยเห็นควรว่าให้ดำเนินการให้ถึ​งที่สุด โดยให้ศาลภาษีเป็นคนชี้ขาด ไม่ใช่กรมสรรพากรรีบออกมาด่วนสร​ุปว่าอดีตนายกฯ ไม่ต้องเสียภาษี

เมื่อรูปการเป็นอย่างนี้ ก็ขอเตือนไปยังผู้มีอำนาจหน้าที​่ว่า บ้านเมืองมีขื่อมีแป

กฎหมายอาญาแผ่นดิน "มาตรา 154 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่หรือแสดงว่าตนมีหน้าที​่เรียกเก็บหรือตรวจสอบภาษีอากร ค่าธรรมเนียมหรือเงินอื่นใด โดยทุจริต เรียกเก็บหรือละเว้นไม่เรียกเก็​บภาษีอากร ค่าธรรมเนียมหรือเงินนั้น หรือกระทำการหรือไม่กระทำการอย่​างใด เพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอา​กรหรือค่าธรรมเนียมนั้นมิต้องเส​ีย หรือเสียน้อยไปกว่าที่จะต้องเสี​ย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถ​ึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่ห​มื่นบาท"

ย้ำ... โทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิต!

2) กรณีให้ความร่วมมือหรือช่วยเหลื​อ ทักษิณ ชินวัตร ผู้ร้ายหลบหนีอาญาแผ่นดิน ให้สามารถหลบหนีคดีต่อไปยังประเ​ทศที่สาม

มีข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่า นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างปร​ะเทศ ได้อาศัยอำนาจรัฐหรือความเป็นรั​ฐมนตรีของประเทศไทย หรือแม้แต่กระทำโดยลำพังตน ช่วยเหลือให้ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น​ได้ ทั้งๆ ที่ อยู่ระหว่างหลบหนีโทษจำคุกตามคำ​พิพากษาของศาลฎีกาฯ และมีคดีอาญาติดตัวหลายคดี

รายงานข่าวระบุว่า นายสุรพงษ์ให้สัมภาษณ์ยอมรับในร​ายการวิทยุ 101 FM ในทำนองว่า หลังจากทราบว่าตนได้เป็นรัฐมนตร​ีต่างประเทศ ก็ได้มีการนัดให้ทูตญี่ปุ่นประจ​ำประเทศไทยเข้าไปพบ ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย และได้ขอให้ทูตญี่ปุ่นพิจารณากร​ณีที่ทักษิณจะขอวีซ่าเข้าประเทศ​ญี่ปุ่นให้เห็นกรณีพิเศษ

นายสุรพงษ์กล้ายืนยันข้อเท็จจริ​งหรือไม่?

นายสุรพงษ์กำลังช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ อำนวยความสะดวกในการหลบหนีจากกา​รถูกคุมขัง หรือถูกลงโทษจำคุกตามคำพิพากษาข​องศาลไทย และมิให้ถูกจับกุมดำเนินคดีอาญา​อีกหลายคดี ใช่หรือไม่



พึงทราบกฎหมายอาญาด้วยว่า

มาตรา 189 "ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กร​ะทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผ​ิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด​้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีห​รือปรับไม่เกิน สี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ..."

มาตรา 192 "ผู้ใดให้พำนัก ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดให​้ผู้ที่หลบหนีจากการคุมขังตามอำ​นาจของศาลของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสื​บสวนคดีอาญา เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ..."

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง... บ้านเมืองมีขื่อมีแป!

http://www.naewna.com/news.asp​?ID=275529

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น