ปิด 3 ทฤษฎีแดง...แผนปฏิบัติการพลัดถิ่นล้มเทวดา!
ชาดพิชัยสงคราม ทฤษฎีการต่อสู้ล่าสุดของคนเสื้อแดง ที่กำลังเผยแพร่บนโลกอินเตอร์ในเครือข่ายคนเสื้อแดงอย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่ผู้เขียนได้ระบุถึงเป้าหมายการต่อสู้ไปจนถึงเทวดา และการนำอาวุธมาใช้ เช่นเดียวกันกับวิทยานิพนธ์คนเสื้อแดง และคู่มือการต่อสู้ของขบวนการล้มเจ้าที่ชื่อสงครามอภิมหาอมตะยุทธ์ระหว่าง เทวดากับไพร่สาระขัณฑ์ ไพร่สู้นายสงครามชนชั้น ที่ได้มีการเผยแพร่ไปก่อนหน้านี้
เนื้อหาการต่อสู้ ระบุในชื่อ ชาดพิชัยสงคราม โดย รุ่งศิลา ซึ่งเป็นแนวทางการต่อสู้กับเผด็จการเทวดา ด้วย อาวุธและปริมาณมวลชน
การจัดตั้ง แบ่งเป็น 4 ส่วน
1. องค์กรนำกลางฝ่ายมวลชนเสื้อแดง ที่เป็นเอกภาพได้รับการยอมรับ
2. มวลชนเสื้อแดงต่อต้านเผด็จการ
3. รัฐบาลพลัดถิ่น
4. กองกำลังติดอาวุธ
หลักนิยมปฏิบัติขององค์กรนำกลางฝ่ายมวลชนเสื้อแดง ทำหน้าที่ ชี้นำมวลชนเสื้อแดงต่อต้านเผด็จการโดยมีรัฐบาลพลัดถิ่นทำหน้าที่บังคับบัญชา กองกำลังติดอาวุธ
ถึงบรรทัดนี้ต้องบอกว่าไม่ธรรมดากันเลยทีเดียวสำหรับทฤษฎีการต่อสู้ ที่มีการพูดถึงทั้งกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งจะถูกบังคับบัญชาโดยกองกำลังพลัดถิ่น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่มีการพูดถึงการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในหมู่คนเสื้อแดง ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปลายปี 2553 นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำนปช.สายฮาร์อคอ ได้วีดีโอลิงค์และเขียนบทความมาถึงคนเสื้อแดง ว่าจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น เพื่อสู้รบกับ “อำมาตย์”และก็ได้รับการขานรับทั้งจากนายจักรภพ เพ็ญแข นายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง และแกนนำคนเสื้อแดงอีกหลายส่วน
ซึ่งก็น่าสนใจว่าเป็นนายอริสมันต์คนเดียวกันนี้ที่พูดถึงคำว่ารัฐบาลพลัด ถิ่นกับกองกำลังติดอาวุธ ตรงตามทฤษฎีการต่อสู้ของชาดพิชัยสงคราม แบบไม่มีผิดเพี้ยน
แนวคิดเรื่องรัฐบาลพลัดถิ่น จะใช่การจัดตั้งสมาพันธ์ประชาชนสร้างประชาธิปไตยหรือสปสป. หรือไม่ ซึ่งเป็นข้อมูลของหน่วยการจัดตั้งที่เพิ่งหลุดออกมาจากปากนายเทพพนม นามลี ประธาน นปช.สุรินทร์ หลังการพบปะกับนายอริสมันต์ ที่กัมพูชาเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2554
สมาพันธ์ประชาชนสร้างประชาธิปไตยหรือสปสป. ก่อตั้งแล้ว ที่นครวัด จังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา โดยมี นายอริสมันต์ เป็นประธานรักษาการ และตนเป็นเลขาธิการรักษาการ ส่วนนปช.แต่ละจังหวัดร่วมเป็นโครงสร้างหลักของสมาพันธ์ฯ
และเร็วๆนี้จะมีการประสานเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาเป็นประธานสมพันธ์ประชาชนสร้างประชาธิปไตย
ด้วยความสอดคล้องที่ว่ามานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือแกนนำนปช.ส่วนกลาง จะรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธพฤติกรรมของแกนนำอย่างนายอริสมันต์ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ใกล้ชิดและมีปฎิสัมพันธ์ระหว่างกันอยู่เป็นระยะๆ
ยิ่งไปกว่านั้นหากย้อนกลับไปพิจารณาข้อมูลในหน้าหนังสือวิทยานิพนธ์คนเสื้อ แดง และคู่มือการต่อสู้ของขบวนการล้มเจ้าที่ชื่อสงครามอภิมหาอมตะยุทธ์ระหว่าง เทวดากับไพร่สาระขันฑ์ก็ยิ่งชัดเจนว่า แนวความคิดเรื่องการใช้ความรุนแรง และการกระทบกระทั่งต่อสถาบันนั้น ได้มีการดำเนินการในหมู่คนเสื้อแดงมาอย่างต่อเนื่อง
วิทยานิพนธ์คนเสื้อแดงระบุถึงยุทธศาสตร์การต่อสู้เอาไว้ 5 แนวทางด้วยกัน คือ พรรค มวลชน สื่อ การต่างประเทศ และโดยเฉพาะกองกำลังฝ่ายประชาชน ซึ่งถูกระบุให้เป็นแนวทางที่สำคัญที่สุดว่ากองกำลังฝ่ายประชาชน เพื่อปกป้องคุ้มครองมวลชนไม่ให้ถูกปราบปราม และเมื่อกองกำลังเข้มแข็งมากขึ้น มีคนเข้าร่วมมากขึ้น ก็จะกลายสภาพเป็น “กองทัพประชาชน”
“เราไม่ได้เรียกร้องว่าคนเสื้อแดง ทุกคนจะสู้ด้วยวิธีนี้ ใครทำอะไรได้ก็ทำ สู้แนวไหนได้ก็สู้ แต่ถ้าคนไหนพอจะเสียสละ พอจะพัฒนาฝีมือได้ ก็ควรจะทำและควรสนับสนุนคนที่ทำได้ การปฏิเสธแนวทางนี้ เป็นการปฏิเสธความจริงที่ต้องเผชิญ เราห้ามรัฐบาลทรราชฆ่าประชาชนไม่ได้ ถ้าเรายังเดินไปสู้อย่างใสซื่อ มือเปล่าอย่างเดียว เขามายิงเมื่อไหร่ ก็ตายเมื่อนั้น ก็แพ้เมื่อนั้น”
“เราจึงขอมี “เหล็กใน” ป้องกันตัวเองบ้าง ถ้ากองกำลังกำหนด“ยุทธศาสตร์” ได้ถูกสู้เพื่อ ความเสมอภาค เท่าเทียม สู้เพื่อให้มีอำนาจปกครองประเทศที่เป็นของประชาชน สู้เพื่อไม่ให้“ฆ่า” ประชาชน ก็จะเป็นปัจจัยให้กองกำลังฝ่ายประชาชนเข้มแข็ง มีคนเข้าร่วมเป็น“กองทัพประชาช
และเมื่อลงในรายละเอียดของหนังสือการต่อสู้ที่ชื่อสงครามอภิมหาอมตะยุทธ์ ระหว่างเทวดากับไพร่สาระขันฑ์ ก็จะเห็นภาพจากการลงรายละเอียดวิธีการต่อสู้ดังนี้
หัวข้อที่ 11 ว่าด้วยการจัดตั้งการ์ดของไพร่ในการจัดตั้งการ์ด หัวหน้าการ์ดจะต้องเลือกคนเข้ามาทำการประกอบหน่วย โดยยึดหลักว่า ต้องรู้นิสัยพื้นฐานของคน เช่นคนที่กล้าหาญที่จะต่อสู้ คนรอบคอบไม่ประมาทคอยป้องกัน หรือคนมีสติปัญหาจะให้คำที่ปรึกษา
หัวข้อที่ 12 ว่าด้วยขั้นตอนการต่อสู้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน ขั้นที่ 1 ร้องขอ ไพร่จะสั่นกระดิ่งเรียกเทวดาให้ช่วยบรรเทาทุกข์ ขั้นที่ 2 เปิดโปง ไพร่จะชุมนุมด่าทอเทวดาแบบสันติวิธี ขั้นที่3 ต่อต้าน ไพร่จะขัดขืนหยุดงานหรือยึดถนนทำป้อมค่าย ขั้นที่ 4 โค่นล้ม ไพร่จะลุกขึ้นสู้ทำสงครามจรยุทธ์
หัวข้อที่ 15 ว่าด้วยสนามรบ และจากการเรียนการสอนโดยยึดเอาตำราเรียนเล่มนี้ ณ หมู่บ้านต่างๆ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกับประเทศสาระขัณฑ์ ก็พร้อมที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ ตามที่ผู้เขียนสรุปเอาไว้ว่า ไพร่ต้องร่วมกันต้าน แยกกันตี ไปทุกที่ที่มีอิทธิพลของเทวดา ก็เป็นการดำเนินการตามยุทธศาสตร์การต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์อย่างชัดเจน ที่คุ้นหูกันดีว่า แยกกันเดินร่วมกันตีนั่นเอง
หัวข้อที่ 17 ว่าด้วยกลศึกของไพร่สุดยอดขั้นตอนกลศึกของชนชั้นนำไพร่ก็คือ 1. โจมตีความศรัทธาในเทวดาก่อน เอาไดโนเสาร์ออกจากสมองไพร่ก่อน 2.โจมตีแผนลับข้าศึกให้แตก 3.โจมตีความสามัคคีข้าศึกให้แตก 4.สุดท้ายโจมตีร่างกายชีวิตได้โนเสาร์และตามรูปแบบการต่อสู้ใน
หัวข้อที่ 18 19 20 ที่ว่าด้วยการต่อสู้ใต้ดิน ว่าด้วยการต่อสู้โดย นักรบนินจา ที่ต้องแยกกันทำ ก่อนจะนำไปสู่บทสรุปของการได้รับชัยชนะเหนือไดโนเสาร์และเทวดา จนสามารถเข้าสู่ยุคใหม่ หลุดพ้นจากการเอารัดเอาเปรียบ พันธนาการทุกประการ
เห็นภาพอย่างชัดเจนว่าทฤษฎีของชาดพิชัยสงครามนั้น มีความสอดคล้องกับสถานการณ์จริงทั้งภาพและเสียงซึ่งเป็นหลักฐานที่ปรากฎอยู่ ในการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ขณะที่การต่อสู้ที่จำกัดเป้าหมายเป็นเทวดานั้น จึงเป็นการตอกย้ำในข้อเท็จจริงที่ว่า การเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงส่วนใหญ่นั้น กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงของการถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือในการโค่นล้มสถาบัน พระมหากษัตริย์ ซึ่งเชื่อว่าคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ไม่ได้คิดเช่นนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น